เพียงหายใจ ความสงบก็อยู่กับเรา

Breathingการหายใจเป็นสัญชาติญาณการเอาดำรงค์ชีวิตอย่างหนึ่งของมนุษย์ ที่แม้ไม่ต้องสอน ทุกๆคนก็หายใจกันเป็นตั้งแต่เริ่มลืมตาดูโลกใบนี้แล้ว แต่สิ่งที่เราๆคุ้นเคยจนไม่ค่อยได้สังเกตอย่างๆการหายใจนั้น สามารถนำมาปรับใช้เพื่อสร้างความสงบ ได้แบบไม่ยากจนเกินไป วิธีการจะเป็นอย่างไร เรามาลองติดตามกันค่ะ

เมื่อจิตใจมีมรสุม ต้องใช้ความสงบสุขุมเข้าช่วย ให้ขยายการหายใจเข้าและออก สูดหายใจเข้าให้สุด จนรู้สึกว่าได้รับอากาศเข้าไปจนเต็มปอด สังเกตบริเวณหน้าอกขยายขึ้น และขยายซี่โครงออกไปด้านข้าง ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาจนหมด กำหนดจังหวะให้การหายใจเข้า และออก ด้วยระยะเวลาที่เท่าๆกัน นอกจากจะช่วยในการรับออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้ดียิ่งขึ้น ยังช่วยให้เกิดการผ่อนคลายและสร้างความสงบได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ

เมื่อได้ลองปรับจังหวะการหายใจ เพื่อลดความรุมร้อนกระวนกระวายใจลงบ้างแล้ว คราวนี้ลองหายใจเข้าและออก โดยปล่อยให้การหายใจเป็นไปตามจังหวะธรรมชาติ ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงจังหวะ หรือความลึกของลมหายใจ แต่ลองสัมผัสถึงลมที่ผ่านเข้าออกว่าเย็น หรือ อุ่นอย่างไร มีลักษณะที่หยาบและละเอียดอย่างไร เช่น เมื่อหายใจเข้า ลมเย็นจะเข้าสู่ร่างกาย และเมื่อหายใจออก ลมอุ่นจะผ่านออกมาจากร่างกาย ใช้การพิจารณาสิ่ที่เป็นไปในร่างกายของตัวเองเพื่อลดความสับสน ฟุ้งซ่าน วุ่นวาย โดยการดึงสมาธิให้มาอยู่ที่ลมหายใจ เพียงเท่านี้ จิตใจที่ว้าวุ่น ความรุ่มร้อนที่เกิดภายในจิตใจก็จะค่อยๆลดลงได้ในไม่ช้า

หายใจกันมาตลอดทั้งชีวิตแล้ว ลองหายใจในแบบที่จะเป็นประโยชน์กับกายและใจของเราด้วยนะคะ

อาหารบำบัดโรค : มารู้จัก Raw Food และ Vegan Food กันค่ะ

เมื่ออาหารทำหน้าที่แทนยาดูแลรักษาร่างกาย raw foodเมื่อ Raw Food กับ Vegan Food กลายเป็นอีกหนึ่งกระแสที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากมาย โดยเฉพาะในเมืองนอกที่ดาราฮอลลีวูดต่างหันมารับประทานอาหารจากพืชผักสด จนมีสูตรอาหารต่างๆ ของ Raw Food กับ Vegan Food ออกมามากมาย หลายคนยังอดติดใจสงสัยไม่ได้ว่า แล้ว Raw Food กับ Vegan Food คืออะไร

วันนี้ได้เวลามาไขคำตอบกันซักหน่อย Raw Food และ Vegan Food คืออะไร? ตอบข้อสงสัยกันก่อนเลยว่า “Raw food” คือ อาหารที่ทำจากผลไม้สด ผักสด ต้นอ่อนของเมล็ดพืช ซึ่งวัตถุดิบทั้งหมดจะไม่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งทางเคมี ไม่มีแป้งและน้ำตาล ใช้ความร้อนไม่เกิน 46 องศาเซลเซียส เพื่อคงคุณค่าของเอ็นไซม์ วิตามิน และเกลือแร่ ทั้งแหล่งวัตถุดิบที่นำมาใช้ ไม่มีการใช้สารเคมี และที่สำคัญ ต้องเป็นผักผลไม้ตามฤดูกาลเพื่อคงความธรรมชาติและปลอดภัยจากสารเคมีอย่างแท้จริง ส่วน Vegan food ก็คืออาหารที่ไม่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ทุกชนิด ที่เราน่าจะรู้จักกันดีในชื่อของ อาหารมังสวิรัตินั่นเอง

Raw Food เมนูเพิ่มพลังชีวิต จากการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง ทั้งพืชผักสด ที่เป็นผักออร์แกนิคเท่านั้น รสชาติทุกอย่างล้วนได้มาจากธรรมชาติอย่างแท้จริง ทั้งผู้ปรุงยังต้องปรุงด้วยใจรักและใส่ใจในทุกรายละเอียดของอาหารแต่ละเมนู Raw Food เป็นอาหารที่ช่วยเพิ่มพลังให้กับชีวิต รับประทานแล้วมีสุขภาพดี สวยได้จากภายในสู่ภายนอก ด้วยเอนไซม์จากผัก ผลไม้ ที่เหมาะสมสำหรับร่างกายของเรา สำหรับมนุษย์เรา นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์ไว้ ว่าเป็นสัตว์กินพืช Raw Food จะช่วยล้างสารพิษ เพิ่มภูมิต้านทาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง สายตา และระบบการย่อยอาหาร ทั้งยังจะทำให้ผิวพรรณสดใส รักษาสมดุลย์ของน้ำหนัก และที่สำคัญเป็นอาหารที่ส่งผลต่ออารมณ์ มีส่วนทำให้อารมณ์ดีอีกด้วย

ทำไม Raw Food จึงหาทานได้ยาก ? อย่างที่ทราบกันว่าการบริโภคผักออร์แกนิคนั้นยังถูกจำกัดอยู่ในกลุ่มเล็กๆของผู้รักสุขภาพจริงๆ เนื่องจากราคาจะสูงกว่าผักทั่วไปพอสมควร ซึ่งก็เป็นเพราะ กว่าจะได้พืชผักออร์แกนิค เกษตรกรจะต้องเริ่มตั้งแต่การเตรียมดินที่ใช้เวลานานถึง 7 ปี ปล่อยผืนดินให้ว่าง พลิกหน้าดินเพื่อชะล้างสารพิษต่างๆ ที่คั่งค้างอยู่ ผ่านระบบนิเวศน์ตามธรรมชาติ เกษตรกรที่ปลูกพืชผักออร์แกนิค เป็นผู้ที่ปลูกด้วยหัวใจจริงๆ จากระยะเวลาที่ต้องยอมเสีย ซ้ำบางครั้งยังไม่ได้ผลผลิตตามที่ตั้งใจไว้ ประกอบกับการเก็บรักษาผักเหล่านี้ยังมีช่วงเวลาที่จำกัด เพราะปราศจากการใช้สารเคมีในการถนอมอาหาร ปัจจุบัน ต้องกล่าวว่ามีร้านอาหารเพียงไม่กี่ร้านที่สามารถรักษามาตรฐานของเมนู Raw Food จริงๆไว้ได้

เมนู Raw Food อาหารบำบัดโรค การรับประทานอาหารที่ดีมีคุณประโยชน์ ร่างกายย่อมห่างไกลจากโรค ยิ่งในปัจจุบันศาสตร์การรักษาโรคด้วยอาหารเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ การรักษาโรคด้วยอาหารนั้นต่างจากการรักษาโรคด้วยการใช้ยาซึ่งเป็นการรักษาเฉพาะอาการเจ็บป่วยนั้นๆ แต่การรักษาโรคด้วยอาหารจะเป็นการสร้างสมดุลย์ให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงได้ในระยะยาว ทว่าจำเป็นต้องใช้ความอดทน และความตั้งใจสูง เพราะอาจจะไม่ได้เห็นผลในทันที และบ่อยครั้งมักจะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ทำให้หลายๆ คนล้มเลิกความตั้งใจกันไปเสียก่อน เมนูอาหารส่วนใหญ่ของ Raw Food นั้นมักจะประกอบไปด้วยส่วนสารอาหารที่มีคุณสมบัติเป็นยา ลองมาดูกันดีกว่าว่าส่วนประกอบเหล่านี้รักษาร่างกายของเราอย่างไรบ้าง

ลูกเดือย สั่งเมนู Raw Food ทีไรมักจะมีลูกเดือยเป็นพระเอกของจาน ก็เพราะลูกเดือยมีคุณค่าทางอาหารสูง ให้พลังงานและเส้นใยสูงมาก มีคุณสมบัติในการบำบัดโรค ทั้งยังช่วยในระบบการย่อยให้อาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้น พลังงานที่ได้จากลูกเดือย ร่างกายของเราจะสามารถนำไปใช้ทันที เหมาะมากๆ สำหรับสาวออฟฟิศ เพราะมีวิตามินบี 1 และบี 2 ช่วยแก้อาการเหน็บชาจากการนั่งทำงานนานๆ และสำหรับคนที่อยากลดความอ้วน ลูกเดือยมีส่วนช่วยลดความอ้วน ทั้งยังช่วยบำรุงผมและผิวให้ชุ่มชื้นจากสารซิลิคอนที่มีอยู่ในเนื้อลูกเดือยอีกด้วย

หัวบุก ทางเลือกทดแทนของเมนูเส้นทั้งหลาย ที่มีประโยชน์มากกว่าเป็นไหนๆ เพราะเส้นที่ผลิตจากแป้งบุกนั้นจะมีแป้งประมาณ 67% และ โปรตีน 5-6% โดยสารแป้งแมนแนน ที่อยู่ในเนื้อบุกเมื่อแตกตัวจะมีคุณสมบัติในการดูดซึมน้ำตาลกลูโคสในระบบทางเดินอาหาร ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอล และน้ำตาลในเลือด คนที่เป็นโรคอ้วนและเบาหวานจึงความรับประทานเมนูบุกเป็นอย่างยิ่ง

ผักสลัด เมนู Raw Food จะน่าทานมากขึ้นเมื่อมีสีเขียวๆ จากสลัดมากหน้าหลายตา อย่าง กรีนโอ๊ด เร้ดโอ๊ค หรือคอส กรีนโอ๊คเป็นผักที่ทานง่าย นุ่ม รสชาติอร่อย ผักชนิดนี้ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด บำรุงสายตา บำรุงเส้นผม ระบบประสาท รวมถึงระบบกล้ามเนื้ออีกด้วย เร้ดโอ๊ค ผักใบหยักสวยสีน้ำตาลแดงชนิดนี้ ก็คล้ายๆ กับกรีนโอ๊ค แต่มีคุณสมบัติที่เพิ่มมากขึ้นคือการช่วยป้องกันโรคปากนกกระจอก ช่วยบำรุงร่างกายและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพราะมีโฟเลท ธาตุเหล็ก และวิตามินซีสูง คอส ผักสีเขียวเข้มสด มีรสชาติหวาน กรอบ ช่วยล้างพิษ ป้องกันโรคโลหิตจาง และช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง

อะโวคาโด เพื่อนรู้ใจสำหรับสาวๆ เลยก็ว่าได้ เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซีที่ดูแลผิวพรรณให้สวยสดใสเปล่งปลั่งและยังมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ลดอัตราการเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง และโรคหัวใจ ได้เป็นอย่างดี ช่วยลดระดับของโคเลสเตอรอล ช่วยลดภาวะหลอดเลือดอุดตัน และช่วยป้องกันการเป็นโรคที่เกี่ยวกับดวงตา นอกจากวัตถุดิบเหล่านี้แล้ว เมล็ดอัลมอน บีทรูท แก้วมังกร และผลไม้ตามฤดูต่างๆ เมื่อนำมาปรุงเป็นอาหารเมนู Raw Food ก็จะช่วยบำรุง สุขภาพจากภายในให้แข็งแรงได้โดยไม่ต้องพึ่งยา

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.facebook.com/AriyaOrganicCafe

ลองเริ่มสนใจเมนูสุขภาพ ดูแลตัวเองเสียตั้งแต่วันนี้ จะได้ไม่ต้องพึ่งคุณหมอ และลดการใช้ยาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวค่ะ
http://www.lifecenterthailand.com

ทดลองทำเมนู Raw Food  ง่ายๆ ได้ ตามบทความต่อไปเลยนะคะ

เข้าครัว กับเมนู ‘ซูชิ อาโวคาโด’ ในแบบ Raw Food

#rawfood #รอฟู้ด #มังสวิรัติ #veganfood

แอปเปิ้ลต่างสี มีดีต่างกัน

1

แดง เขียว ชมพู เหลือง… อยากดูแลส่วนไหน เลือก “สี” ได้ตามใจชอบ
มีคุณสาวๆ บ่นมาว่า ไปเดินซุปเปอร์มาร์เก็ต กะว่าจะเลือกแอปเปิ้ลมาติดตู้เย็นไว้ซักหน่อย แต่พอไปเจอแอปเปิ้ลละลานตาหลากสีหลายสายพันธุ์ ก็งงเป็นไก่ตาแตก จะเลือกอย่างไรดีหละทีนี้
การเลือกแอปเปิ้ลไม่ใช่เรื่องยากค่ะ วันนี้ขอหยิบยกการเลือกแอปเปิ้ลแบบเบสิคสุดๆ ด้วยการเลือก “สี” ที่บอกถึงคุณสมบัติของแอปเปิ้ลลูกนั้นๆ มาเล่าให้ฟังกันก่อนนะคะ
Red Apple (แอปเปิ้ลแดง) ด้วยสีที่แดงสด แอปเปิ้ลนี้จึงมีจุดเด่นเรื่องสารแอนตี้ออกซิแดนต์ที่มากกว่าแอปเปิ้ลสีอื่นๆ คุณสมบัติเด่นที่ตามมาจึงเป็นเรื่องการดูแลสุขภาพ การกำจัดเซลล์ร้ายในร่างกาย ทั้งยังมีสารอิลาสตินและคอลลาเจนสูง เป็นสารที่จะช่วยให้ผิวสวย มีความยืดหยุ่น สุขภาพดี และเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล
Pink Apple (แอปเปิ้ลชมพู) เหมาะกับสาวๆ ที่อยากหน้าใสอ่อนกว่าวัยค่ะ เพราะแอปเปิ้ลสีชมพูมีสารฟิโนลิกสูงมาก สารนี้จะช่วยทำให้ผิวแข็งแรง ไม่เกรงกลัวแดด ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้า และช่วยชะลอวัย นอกจากนั้นแอปเปิ้ลชมพูยังมีฟลาโวนอยด์ที่เป็นตัวช่วยในการดูดซึมวิตามินซี ผนังเส้นเลือดฝอยจึงแข็งแรง ช่วยลดการอักเสบ รวมทั้งช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ทำให้ฟันจึงแข็งแรงไม่ผุง่ายอีกด้วย
Yellow Apple (แอปเปิ้ลเหลือง) แอปเปิ้ลชนิดนี้อาจจะหาทานยากสักหน่อยในบ้านเรา แต่ประโยชน์เด่นๆ ก็มีในเรื่องมีสารเควอร์ซิติน สารนี้มีคุณสมบัติในการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และอาการต้อกระจกค่ะ
Green Apple (แอปเปิ้ลเขียว) ใครปลื้มแอปเปิ้ลเขียวคงทราบดีถึงรสชาติเปรี้ยวนำ อมหวานนิดๆ และกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ตัวช่วยอย่างดีสำหรับสาวๆ ที่อยากลดความอ้วนค่ะ แอปเปิ้ลชนิดนี้มีน้ำตาลน้อย ให้กากใยสูง และยังมีอิลาสตินและคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่น ไม่โทรมเวลาที่ลดความอ้วนด้วยค่ะ
เลือกสวย สลิม สุขภาพดี กับแอปเปิ้ลหลากสีได้ตามต้องการเลยนะคะ ทิ้งท้ายอีกสักนิดว่าทานแอปเปิ้ลแล้วยังมีส่วนช่วยให้อารมณ์ดีไม่หงุดหงิดง่าย จิตใจก็สุขสดชื่นตามไปด้วยค่ะ

Tips: เลือกแอปเปิ้ลสดใหม่ไม่ค้างปี ต้องดูจากผิวของแอปเปิ้ล ผิวต้องเรียบ ไม่มีร่องรอยถลอกหรือรอยช้ำ ลองกดดูเบาๆ ว่าเนื้อยังแน่น ลองดมดูอีกนิดว่ามีกลิ่นหอมของแอปเปิ้ลหรือเปล่า เท่านี้ก็ได้ผลไม้สดใหม่เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณสาวๆ ทั้งหลายแล้วหละค่ะ