เข้าครัวกับเมนู Raw Food ง่ายๆ – สลัดพร่าปูอัด

00104
วันนี้ชวนทุกท่านมาเข้าครัว ทำเมนูอร่อยๆ ในแบบคนรักสุขภาพด้วยกันซักหน่อย กับ ‘สลัดพล่าปูอัด’ เมนูสุขภาพที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย แต่ก่อนที่จะไปถึงวิธีการทำ เรามาทำความรู้จักกับเมนูนี้กันก่อนดีกว่าค่ะ ว่าเมนูน่าอร่อยเมนูนี้ให้ประโยชน์อย่างไรบ้าง

สลัดพล่าปูอัด เป็นเมนูที่ช่วยลดอาการแน่นท้อง เวลาเรารับประทานอาหารอิ่มมากๆ จนเกินพอดีก็มักจะเกิดอาการอิ่ม แน่นจุกเสียด แน่นเฟ้อ จากการทานอาหารแบบเต็มที่ ยิ่งช่วงเทศกาลอย่างนี้ กิจกรรมโปรดของหลายๆ ท่านคงหนีไม่พ้นการเดินสายรับประทานอาหารอร่อยๆ กันกับเพื่อนๆ ญาติๆ มามาย สิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้เลยค่ะ คือ ยิ่งเราอายุมากขึ้นระบบเผาผลาญอาหารในร่างกายจะยิ่งมีประสิทธิภาพน้อยลงเรื่อยๆ

สำหรับเคล็ดลับการทานเมนูอร่อยๆ แบบไม่ให้แน่นท้อง แนะนำว่าผักผลไม้นี่ล่ะค่ะที่เป็นตัวช่วยชั้นดี เพราะในผักผลไม้จะมีเอนไซม์ที่เป็นตัวช่วยย่อยอาหาร ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดียิ่งขึ้น เมื่อระบบเผาผลาญทำงานได้เต็มที่แล้วร่างกายก็จะได้รับสารอาหารที่สามารถนำไปหล่อเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ในร่างกายได้ ทำให้ร่างกายเจริญเติบโต หรือซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้อย่างเต็มที่
การเลือกรับประทานอาหารที่ประกอบด้วยเนื้อสัตว์จำนวนมาก จะทำให้กระเพาะอาหารของเราทำงานหนัก ร่างกายจะส่งเลือดไปหล่อเลี้ยงกระเพาะเป็นจำนวนมาก ทำให้ระบบการทำงานในส่วนอื่นๆ ทำงานได้ไม่เต็มที่ บางทีอาจถึงขั้นปวดหัวเวียนหัวกันเลยทีเดียว

‘สลัดพล่าปูอัด’ เป็นแมนูที่ไม่ผ่านความร้อน และไม่ต้องปรุงด้วยน้ำสลัดครีม จึงทำให้เมนูนี้เปี่ยมไปด้วยคุณค่า ทั้งจากผักสีเขียวที่ให้คลอโรฟิล แคลเซียม โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ และวิตามินซีสูง เหมาะกับช่วงที่อากาศเย็นๆ และไข้หวัดกำลังเป็นโรตยอดฮิตเลยล่ะค่ะ

ส่วนประกอบหลักของเมนูนี้ประกอบด้วย ตะไคร้ สมุนไพรพื้นบ้านที่มีสรรพคุณในการบรรเทาอาการแน่นท้อง และยังมีสารอาหารหลากหลาย อย่างแคลเซียม เหล็ก เส้นใย ฟอสฟอรัส วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี นอกจากนั้นยังมี ผักสลัด และผักชี ช่วยให้อิ่มแบบมีประโยชน์และไม่แน่นท้อง ผักนั้นมีทั้งเส้นใยและไฟเบอร์ชนิดต่างๆมากมาย สามารถดูดซับสิ่งปนเปื้อนที่ร่างกายได้รับมาจากอากาศและสิ่งแวดล้อมรอบๆตัว แล้วขับถ่ายออกมาเป็นอุจจาระ หน้าที่ของกากใยจากพืชผักผลไม้ เป็นไม้กวาดชั้นดีสำหรับกวาดสิ่งสกปรกออกจากลำไส้ของเราเลยล่ะค่ะ ทั้งทำให้เราขับถ่ายได้ง่าย ห่างไกลริดสีดวงทวาร

ขั้นตอนการทำเมนูสลัดพล่าปูอัด เริ่มต้นที่ส่วนผสมที่ต้องเตรียมค่ะ ผักสลัดคอส ผักสลัดเรดโอ๊ค ผักชี ปูอัด (เจ) ตะไคร้ สะระแหน่ หอมแดง พริกขี้หนูสวน น้ำสับปะรดสกัด น้ำแอบเปิ้ลสกัด น้ำมะนาว และ มิโซะ

ให้นำผักทั้งหมดล้างให้สะอาดพร้อมรับประทาน เด็ดให้พอดีคำ แล้วใส่จานพักไว้ในตู้เย็นเพื่อเพิ่มความกรอบให้กับผัก จากนั้นนำปูอัด (เจ) มาหั่นเป็นคำพอเหมาะ ใส่ลงในชามคลุกสลัด นำเครื่องปรุงได้แก่น้ำสับปะรด น้ำแอปเปิ้ล น้ำมะนาว มิโซะ พริกขี้หนู หอมแดง ตะไคร้ (สับละเอียด) ใส่ลงไป แล้วคลุกทุกอย่างให้เข้ากัน จากนั้น นำผักสลัดที่พักไว้มาคลุกเคล้ากับน้ำพล่าให้เข้ากัน จบด้วยการโรยสะระแหน่ซักหน่อย แค่นี้เมนูช่วยย่อยก็พร้อมเสิร์ฟแล้วล่ะค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก Ariya organic cafe อาคาร Life Center คิวเฮ้าส์ ลุมพินี
ที่นี่มีเมนูอร่อยๆ จากผักผลไม้คุณภาพ กว่า 100 เมนูเลยล่ะค่ะ ลองแวะไปชิมกันได้ทุกวันนะคะ

เข้าครัว กับเมนู ‘ซูชิ อาโวคาโด’ ในแบบ Raw Food

unnamed (1)
วันนี้ ชวนทุกคนมาเข้าครัว โชว์ฝีมือทำอาหารเพื่อสุขภาพกันซักหน่อย กับเมนูเก๋ๆ ที่ทำกันได้ไม่ยากเลยค่ะ เมนู ‘ซูชิ อาโวคาโด’ ในแบบ Raw Food ที่ให้ทั้งพลังงาน ใยอาหาร เอ็นไซม์จากพืชผักสด รวมถึงสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายเลยทีเดียว
ใครพร้อมแล้ว เตรียมตัวกันได้เลยค่ะ

เริ่มต้นจากการจัดวัตถุดิบที่หากันได้ไม่ยากจากซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ส่วนใครที่สามารถหาผักที่เป็นออร์แกนิคได้ก็ยิ่งดีเลยค่ะ
วัตถุดิบที่ใช้ ประกอบด้วย 1. ผักสลัด เช่น กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค หรือ คอส – (ชนิดละ 1-2 ใบ) 2. เห็ดเข็มทอง (40 g.) 3. พริกยักษ์ (1/2 ลูก) 4. แครอท (1 หัว) 5. อาโวคาโดสุก (1/2 ลูก) 6. สาหร่ายแผ่น (2 แผ่น) 7. มะขามเปียก 8. น้ำตาลมะพร้าว 9. เกลือ 10. น้ำต้มสุก 1 ถ้วยเล็ก (ทิ้งให้อุ่นเพื่อละลายมะขามเปียก) : ปริมาณวัตถุดิบ ที่ให้ไว้ สำหรับการทำซูชิ 2 จาน ขนาดจานละ 4-5 ชิ้นค่ะ
อุปกรณ์ที่ใช้ 1. เสื่อสำหรับทำซูชิ (หาซื้อได้ตามร้านขายสินค้าราคาเดียวในห้างฯ ทั่วไปเลยค่ะ) 2. เขียง มีด ช้อนผสมน้ำจิ้ม 3. จานใส่ซูชิ และถ้วยน้ำจิ้ม

เตรียมอุปกรณ์ และวัตถุดิบกันเสร็จ ก็ถึงเวลาแปลงร่างเป็นซูชิเชฟกันแล้วค่ะ

ขั้นตอนที่ 1 เตรียมน้ำจิ้ม
นำมะขามเปียก ละลายในน้ำอุ่นจนได้น้ำมะขามที่ข้นพอประมาณ – เติมน้ำตาลมะพร้าว และเกลือเล็กน้อย คนให้เข้ากัน – เทใส่ถ้วยน้ำจิ้มรอไว้

IMG_72861ขั้นตอนที่ 2 เตรียมเครื่อง
ต่อด้วยการเตรียมเครื่อง ล้างผักทั้งหมดให้สะอาด ปอกเปลือกอาโวคาโด และเอาเมล็ดออก – นำแครอทมาสไลซ์เป็นแผ่นบางๆ – หั่นพริกยักษ์ตามแนวยาว แล้วซอยเป็นเส้นกว้างประมาณ 1/2 ซ.ม. – หั่นอาโวคาโด ตามแนวยาว เป็นชิ้นหนาประมาณ 1-2 ซ.ม.

ขั้นตอนที่ 3 ห่อสาหร่าย :IMG_73571
นำสาหร่ายแผ่น วางบน เสื่อสำหรับทำซูชิ – ใช้ผักสลัดวางรองให้ทั่วทั้งแผ่น – นำแครอท พริกยักษ์ และอาโวคาโด ที่เตรียมไว้ วางบนผักสลัด – ปิดท้ายด้วยเห็ดเข็มทองวางด้านบนสุด – เสร็จแล้วม้วนแผ่นสาหร่ายให้แน่นพอประมาณ ค่อยๆ คลี่เสื่อออกขณะที่ม้วนเข้า – ใช้น้ำลูบที่ปลายแผ่นสาหร่ายเพื่อให้สาหร่ายติดเข้าด้วยกัน

IMG_74271

ขั้นตอนที่ 4 หั่น จัดใส่จาน
เมื่อได้สาหร่ายใส่เครื่องที่ห่อเรียบร้อยแล้ว ก็นำมาหั่นแบ่งเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ แล้วจัดวางในจานสวยๆ ได้เลยค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับขั้นตอนการทำง่ายๆ เพียงเท่านี้ เราก็ได้ ซูชิ อาโวคาโด จานสวย ที่มากด้วยคุณประโยชน์ พร้อมจะอร่อยกันแล้ว รับประกันว่าเมนูนี้ ไม่ใช่แค่สวย และมีประโยชน์ แต่ยังอร่อยด้วยล่ะค่ะ ให้ความรู้สึกทั้งกรอบ นุ่ม หนึบ แล้วก็มีความหวานมันจากวัตถุดิบที่เลือกมาอย่างลงตัว กับรสชาติที่กลมกล่อมกำลังดีเลยทีเดียว

สำหรับเมนูอร่อยเมนูนี้ ต้องขอขอบคุณ คุณหมอนัท จาก @ariya organic cafe ที่ได้มอบความรู้ดีๆ ให้เรานำมาฝากกัน ส่วนใคร ที่อยากจะชิมเมนู Raw Food ในแบบ Organic แท้ๆ ที่มีให้เลือกกันอีกมากมายหลายเมนู ก็สามารถแวะไปชิมกันได้ที่ ร้าน Ariya Organic อาคาร Q House Lumpini กันได้ค่ะ

ระหว่างนั้น คิดว่าเย็นนี้ แต่ละบ้านคงจะมีเมนูเก๋ๆ ที่เป็นประโยชน์กับสุขภาพของทุกๆ คน อยู่ในใจกันแล้วล่ะ
พบกันใหม่สัปดาห์หน้านะคะ ^^

บทความที่คล้ายกันในบล็อก Life Center :  ‘ทำบัตเตอร์เค้กง่ายๆ ไม่ต้องง้อเตาอบ’  : click

https://goo.gl/AnaVN1

อาหารบำบัดโรค : มารู้จัก Raw Food และ Vegan Food กันค่ะ

เมื่ออาหารทำหน้าที่แทนยาดูแลรักษาร่างกาย raw foodเมื่อ Raw Food กับ Vegan Food กลายเป็นอีกหนึ่งกระแสที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากมาย โดยเฉพาะในเมืองนอกที่ดาราฮอลลีวูดต่างหันมารับประทานอาหารจากพืชผักสด จนมีสูตรอาหารต่างๆ ของ Raw Food กับ Vegan Food ออกมามากมาย หลายคนยังอดติดใจสงสัยไม่ได้ว่า แล้ว Raw Food กับ Vegan Food คืออะไร

วันนี้ได้เวลามาไขคำตอบกันซักหน่อย Raw Food และ Vegan Food คืออะไร? ตอบข้อสงสัยกันก่อนเลยว่า “Raw food” คือ อาหารที่ทำจากผลไม้สด ผักสด ต้นอ่อนของเมล็ดพืช ซึ่งวัตถุดิบทั้งหมดจะไม่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งทางเคมี ไม่มีแป้งและน้ำตาล ใช้ความร้อนไม่เกิน 46 องศาเซลเซียส เพื่อคงคุณค่าของเอ็นไซม์ วิตามิน และเกลือแร่ ทั้งแหล่งวัตถุดิบที่นำมาใช้ ไม่มีการใช้สารเคมี และที่สำคัญ ต้องเป็นผักผลไม้ตามฤดูกาลเพื่อคงความธรรมชาติและปลอดภัยจากสารเคมีอย่างแท้จริง ส่วน Vegan food ก็คืออาหารที่ไม่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ทุกชนิด ที่เราน่าจะรู้จักกันดีในชื่อของ อาหารมังสวิรัตินั่นเอง

Raw Food เมนูเพิ่มพลังชีวิต จากการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง ทั้งพืชผักสด ที่เป็นผักออร์แกนิคเท่านั้น รสชาติทุกอย่างล้วนได้มาจากธรรมชาติอย่างแท้จริง ทั้งผู้ปรุงยังต้องปรุงด้วยใจรักและใส่ใจในทุกรายละเอียดของอาหารแต่ละเมนู Raw Food เป็นอาหารที่ช่วยเพิ่มพลังให้กับชีวิต รับประทานแล้วมีสุขภาพดี สวยได้จากภายในสู่ภายนอก ด้วยเอนไซม์จากผัก ผลไม้ ที่เหมาะสมสำหรับร่างกายของเรา สำหรับมนุษย์เรา นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์ไว้ ว่าเป็นสัตว์กินพืช Raw Food จะช่วยล้างสารพิษ เพิ่มภูมิต้านทาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง สายตา และระบบการย่อยอาหาร ทั้งยังจะทำให้ผิวพรรณสดใส รักษาสมดุลย์ของน้ำหนัก และที่สำคัญเป็นอาหารที่ส่งผลต่ออารมณ์ มีส่วนทำให้อารมณ์ดีอีกด้วย

ทำไม Raw Food จึงหาทานได้ยาก ? อย่างที่ทราบกันว่าการบริโภคผักออร์แกนิคนั้นยังถูกจำกัดอยู่ในกลุ่มเล็กๆของผู้รักสุขภาพจริงๆ เนื่องจากราคาจะสูงกว่าผักทั่วไปพอสมควร ซึ่งก็เป็นเพราะ กว่าจะได้พืชผักออร์แกนิค เกษตรกรจะต้องเริ่มตั้งแต่การเตรียมดินที่ใช้เวลานานถึง 7 ปี ปล่อยผืนดินให้ว่าง พลิกหน้าดินเพื่อชะล้างสารพิษต่างๆ ที่คั่งค้างอยู่ ผ่านระบบนิเวศน์ตามธรรมชาติ เกษตรกรที่ปลูกพืชผักออร์แกนิค เป็นผู้ที่ปลูกด้วยหัวใจจริงๆ จากระยะเวลาที่ต้องยอมเสีย ซ้ำบางครั้งยังไม่ได้ผลผลิตตามที่ตั้งใจไว้ ประกอบกับการเก็บรักษาผักเหล่านี้ยังมีช่วงเวลาที่จำกัด เพราะปราศจากการใช้สารเคมีในการถนอมอาหาร ปัจจุบัน ต้องกล่าวว่ามีร้านอาหารเพียงไม่กี่ร้านที่สามารถรักษามาตรฐานของเมนู Raw Food จริงๆไว้ได้

เมนู Raw Food อาหารบำบัดโรค การรับประทานอาหารที่ดีมีคุณประโยชน์ ร่างกายย่อมห่างไกลจากโรค ยิ่งในปัจจุบันศาสตร์การรักษาโรคด้วยอาหารเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ การรักษาโรคด้วยอาหารนั้นต่างจากการรักษาโรคด้วยการใช้ยาซึ่งเป็นการรักษาเฉพาะอาการเจ็บป่วยนั้นๆ แต่การรักษาโรคด้วยอาหารจะเป็นการสร้างสมดุลย์ให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงได้ในระยะยาว ทว่าจำเป็นต้องใช้ความอดทน และความตั้งใจสูง เพราะอาจจะไม่ได้เห็นผลในทันที และบ่อยครั้งมักจะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ทำให้หลายๆ คนล้มเลิกความตั้งใจกันไปเสียก่อน เมนูอาหารส่วนใหญ่ของ Raw Food นั้นมักจะประกอบไปด้วยส่วนสารอาหารที่มีคุณสมบัติเป็นยา ลองมาดูกันดีกว่าว่าส่วนประกอบเหล่านี้รักษาร่างกายของเราอย่างไรบ้าง

ลูกเดือย สั่งเมนู Raw Food ทีไรมักจะมีลูกเดือยเป็นพระเอกของจาน ก็เพราะลูกเดือยมีคุณค่าทางอาหารสูง ให้พลังงานและเส้นใยสูงมาก มีคุณสมบัติในการบำบัดโรค ทั้งยังช่วยในระบบการย่อยให้อาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้น พลังงานที่ได้จากลูกเดือย ร่างกายของเราจะสามารถนำไปใช้ทันที เหมาะมากๆ สำหรับสาวออฟฟิศ เพราะมีวิตามินบี 1 และบี 2 ช่วยแก้อาการเหน็บชาจากการนั่งทำงานนานๆ และสำหรับคนที่อยากลดความอ้วน ลูกเดือยมีส่วนช่วยลดความอ้วน ทั้งยังช่วยบำรุงผมและผิวให้ชุ่มชื้นจากสารซิลิคอนที่มีอยู่ในเนื้อลูกเดือยอีกด้วย

หัวบุก ทางเลือกทดแทนของเมนูเส้นทั้งหลาย ที่มีประโยชน์มากกว่าเป็นไหนๆ เพราะเส้นที่ผลิตจากแป้งบุกนั้นจะมีแป้งประมาณ 67% และ โปรตีน 5-6% โดยสารแป้งแมนแนน ที่อยู่ในเนื้อบุกเมื่อแตกตัวจะมีคุณสมบัติในการดูดซึมน้ำตาลกลูโคสในระบบทางเดินอาหาร ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอล และน้ำตาลในเลือด คนที่เป็นโรคอ้วนและเบาหวานจึงความรับประทานเมนูบุกเป็นอย่างยิ่ง

ผักสลัด เมนู Raw Food จะน่าทานมากขึ้นเมื่อมีสีเขียวๆ จากสลัดมากหน้าหลายตา อย่าง กรีนโอ๊ด เร้ดโอ๊ค หรือคอส กรีนโอ๊คเป็นผักที่ทานง่าย นุ่ม รสชาติอร่อย ผักชนิดนี้ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด บำรุงสายตา บำรุงเส้นผม ระบบประสาท รวมถึงระบบกล้ามเนื้ออีกด้วย เร้ดโอ๊ค ผักใบหยักสวยสีน้ำตาลแดงชนิดนี้ ก็คล้ายๆ กับกรีนโอ๊ค แต่มีคุณสมบัติที่เพิ่มมากขึ้นคือการช่วยป้องกันโรคปากนกกระจอก ช่วยบำรุงร่างกายและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพราะมีโฟเลท ธาตุเหล็ก และวิตามินซีสูง คอส ผักสีเขียวเข้มสด มีรสชาติหวาน กรอบ ช่วยล้างพิษ ป้องกันโรคโลหิตจาง และช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง

อะโวคาโด เพื่อนรู้ใจสำหรับสาวๆ เลยก็ว่าได้ เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซีที่ดูแลผิวพรรณให้สวยสดใสเปล่งปลั่งและยังมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ลดอัตราการเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง และโรคหัวใจ ได้เป็นอย่างดี ช่วยลดระดับของโคเลสเตอรอล ช่วยลดภาวะหลอดเลือดอุดตัน และช่วยป้องกันการเป็นโรคที่เกี่ยวกับดวงตา นอกจากวัตถุดิบเหล่านี้แล้ว เมล็ดอัลมอน บีทรูท แก้วมังกร และผลไม้ตามฤดูต่างๆ เมื่อนำมาปรุงเป็นอาหารเมนู Raw Food ก็จะช่วยบำรุง สุขภาพจากภายในให้แข็งแรงได้โดยไม่ต้องพึ่งยา

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.facebook.com/AriyaOrganicCafe

ลองเริ่มสนใจเมนูสุขภาพ ดูแลตัวเองเสียตั้งแต่วันนี้ จะได้ไม่ต้องพึ่งคุณหมอ และลดการใช้ยาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวค่ะ
http://www.lifecenterthailand.com

ทดลองทำเมนู Raw Food  ง่ายๆ ได้ ตามบทความต่อไปเลยนะคะ

https://lifecenterthailand.wordpress.com/2015/02/10/เข้าครัว-กับเมนู-ซูชิ-อา/

#rawfood #รอฟู้ด #มังสวิรัติ #veganfood