ลดน้ำหนักให้ได้ผลดี ต้องเบิร์นให้ถูกวิธีกันก่อน

fit.jpg
พฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราในทุกวันนี้ ล้วนเป็นสาเหตุของการเกิดโรคยอดนิยม ‘โรคอ้วน’ ไม่ว่าจะเป็นปริมาณน้ำตาลที่สูงมากที่แทรกอยู่ในเมนูโปรดทั้งหลาย การรับประทานอาหารประเภททอด และอาหารที่มีส่วนผสมของไขมันสูง การทานอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ด การทานอาหารว่างและของขบเคี้ยวในระหว่างวัน แม้แต่การทานอาหารเย็นที่ค่อนข้างดึก และทานในปริมาณที่มากเกินกว่าการเผาผลาญของร่างกาย ที่สำคัญ เวลาที่หายไปกับการทำงานและการเดินทาง ทำให้เรามีเวลาที่จะออกกำลัง เผาผลาญไขมันส่วนเกินเหล่านี้น้อยลงไปอีก..

วันนี้ มีคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการออกกำลังกายที่ใช้เวลาไม่นาน แต่ให้ผลในด้านการเบิร์นได้เป็นอย่างดี พร้อมสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการออกกำลังกายมาฝากกันค่ะ

HIIT (High Intensity Interval Training) คือการแบ่งช่วงการออกกำลังกายออกเป็นช่วงสั้นๆ สลับกันระหว่างการออกกำลังกายในระดับความเร็วสูงสุด และการออกกำลังกายในระดับความเร็วปานกลาง โดยจะทำสลับกันเป็นเซ็ต

ข้อดีของการออกกำลังกายในลักษณะนี้ นอกเหนือจากการได้กระตุ้นการทำงานของหัวใจให้ได้ทำงาน และแข็งแรงขึ้นแล้ว ยังเป็นการเผาผลาญพลังงานที่ให้ผลลัพธ์เต็มที่ ภายในระยะเวลาที่สั้นลงค่ะ

การออกกำลังกายในแบบ HIIT สามารถใช้ได้กับเครื่องออกกำลังกายประเภทคาร์ดิโอ ทุกประเภทที่มีอยู่ในฟิตเนส และยังสามารถทำได้ด้วยการออกกำลังกายประเภทอื่นๆ เช่นการวิ่ง อีกด้วย

โดยหลักการออกกำลังกายแบบ HIIT เริ่มต้นด้วยการ stretching การ warm up คือการยืดกล้ามเนื้อ และเตรียมความพร้อมของร่างกาย
จากนั้น เริ่มออกกำลังในระดับความเร็วปานกลาง เป็นระยะเวลาประมาณ 30 วินาที ถึง 1 นาที
เร่งจังหวะการออกกำลังกาย ไปสู่ความเร็วสูงสุดที่สามารถทำได้ เป็นระยะเวลาประมาณ 30 วินาที ถึง 1 นาที
ทั้งหมดนี้ นับเป็นหนึ่ง เซ็ต ให้ทำต่อเนื่อง สลับกันไปจนครบ 10-15 เซ็ต

จากนั้น แนะนำให้ออกกำลังประเภท free weight ต่ออีกซัก 5-10 นาที เป็นอย่างน้อย รับประกัน ว่าได้เผาผลาญพลังงานกันอย่างเต็มที่เลยล่ะค่ะ

นอกจากการออกกำลังกายแบบ HIIT ที่นำมาฝากกันแล้ว อยากจะให้ลองมาทำความเข้าใจกันซักหน่อยค่ะ ว่าร่างกายของเราทำงานกันอย่างไร เบิร์นเสร็จแล้ว จะได้ได้ผลตามที่ตั้งใจกันไว้

การออกกำลังกายในช่วง 15 นาทีแรก ร่างกายจะดึงเอาแหล่งพลังงานหลัก หรือน้ำตาลจากตับ มาใช้ก่อน ส่วนนี้ ยังไม่ได้ช่วยลดน้ำหนัก หรือเผาผลาญพลังงานส่วนเกินแต่อย่างใด เพราะเป็นพลังงานที่ร่างกายมีไว้สำหรับกิจกรรมประจำวันอยู่แล้ว

การออกกำลังกายใน 15 นาทีต่อมา เมื่อร่างกายรู้สึกว่าต้องการพลังงานเพิ่มเติม ก็จะดึงเอาพลังงานในส่วนทีสอง คือแป้ง โดยเปลี่ยนให้อยู่ในรูปของน้ำตาลเพื่อนำมาใช้ โดยยังไม่ได้ดึงเอาไขมันสะสมมาใช้เลย

จนหลังจาก 30 นาทีผ่านไป ร่างกาย จึงจะเริ่มดึงเอาไขมันที่สะสมไว้มาใช้งาน เป็นจุดเริ่มต้นของการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน ที่เราเรียกว่า Burn นั่นล่ะค่ะ

สรุปสั้นๆ คือ การออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมันส่วนเกิน จำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 30 นาทีขึ้นไป และร่างกายของเราจะยังคงใช้พลังงานต่อไปอีกหลังจากการออกกำลัง โดยใช้เพื่อสร้างกรดบางชนิด สังเกตว่าเราจะยังคงมีเหงื่อออก และมีอุณหภูมิร่างกายที่สูงอยู่อีกซักระยะหนึ่ง ในช่วงหลังการออกกำลังกายนี่ล่ะค่ะ จึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่ไม่ควรดื่มน้ำอัดลม น้ำหวาน ทานขนม หรือน้ำตาลทุกประเภท เพราะจะทำให้ร่างกายรับรู้ว่ามีแหล่งพลังงานหลักให้ดึงกลับมาใช้อีก และเลิกดึงเอาไขมันส่วนเกินมาเผาผลาญ

แล้วก็อย่าลืมนะคะ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ เป็นประจำ จะเป็นผลดีต่อสุขภาพมากกว่าการออกกำลังกายหนักๆ แต่ขาดความสม่ำเสมอค่ะ… เอาล่ะ พร้อมจะไปเบิร์นกันหรือยังคะ ^^

ปกป้องผิวสวย ก่อนไปสนุกกับสงกรานต์วันไหล

sun


ผ่านพ้นวันสงกรานต์สำหรับชาวกรุงกันไปแล้ว แต่อีกหลายๆ พื้นที่ ยังมีงานไหล ต่อความชุ่มฉ่ำให้ได้ไปสนุกกันได้อีกหลายวัน
อากาศร้อนๆ แดดแรงๆ โดยเฉพาะในหลายๆ พื้นที่ที่อุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้นทุกวัน ใครจะไปเล่นน้ำกัน อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมด้วยนะคะ ทั้งดื่มน้ำมากๆ เพื่อชดเชยการเสียน้ำจากเหงื่อ ระมัดระวังเรื่องความสะอาดของน้ำดื่ม และอาหารที่ทาน หลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่จอแจ ที่อาจจะเกิดอันตรายต่อร่างกาย และข้าวของได้ และสุดท้าย ห้ามลืมเลยค่ะ ทาครีมกันแดดก่อนออกไปเล่นน้ำสงกรานต์กันด้วย
ว่าด้วยเรื่องครีมกันแดด วันนี้ มาทำความเข้าใจกับเรื่องของครีมกันแดดกันซักหน่อยดีกว่าค่ะ

ครีมกันแดดแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ คือ Chemical Sunscreen และ Physical Sunscreen
เรามาเริ่มต้นกันที่ Chemical Sunscreen กันก่อนค่ะ
ครีมกันแดดประเภท Chemical Sunscreen ใช้คุณสมบัติในการดูดกลืนรังสี UV เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด ก่อนที่สารเคมีสะสลายตัวไปเอง Chemical Sunscreen มีทั้งแบบที่ละลายในน้ำมันและละลายในน้ำ ทำหน้าที่ช่วยให้สามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ทั้งในชั้นหนังกำพร้า และในชั้นหนังแท้ โดยครีมกันแดดชนิด Chemical Sunscreen ที่มีค่า SPF สูงๆจะมีสารกันแดดรวมกันหลายๆ ชนิด เพื่อให้การดูดกลืนรังสี UV ที่มีช่วงความถี่ของคลื่นต่างๆ กัน ครอบคลุมได้มากขึ้น และช่วยให้สามารถดูดกลืนรังสี UV ไว้ได้มากขึ้น กระนั้น การใช้ครีมกันแดดชนิดเคมีที่มีค่า  SPF สูง เกินความจำเป็นอาจทำให้มีการสะสมสารกันแดดไว้ในผิวมาก ทำให้ผิวเกิดอนุมูลอิสระ และเกิดความร้อนภายในผิวชั้นใน อาจทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วโดยไม่จำเป็นได้ค่ะ

การเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีสารกันแดดชนิด Chemical Sunscreen ควรปฎิบัติดังนี้ค่ะ
1.ทาครีมกันแดดก่อนออกแดดอย่างน้อย 30 นาที
2.ควรทาครีมกันแดดซ้ำ ทุก 2 ชั่วโมง
3.ควรระมัดระวังในการใช้ครีมกันแดดชนิดนี้ เนื่องจากอาจมีผลทำให้เกิดปฎิกริยา Oxidation ที่ผิว ทำให้เกิดความร้อนที่ผิวมากขึ้น และอาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง และเสื่อมสภาพได้ง่ายขึ้น

ครีมกันแดดอีกประเภท คือ ครีมกันแดดประเภท Physical Sunscreen ที่ทำหน้าที่ปกป้องผิวโดยการสะท้อนรังสี ด้วยสารกันแดดในกลุ่มแร่ธาตุ โดยสารที่นิยมใช้ได้แก่ ไทเทเนียมไดออกไซด์ และซิงค์ออกไซด์
ความแตกต่างในคุณสมบัติของครีมกันแดดในกลุ่มนี้ อยู่ที่ขนาดของอนุภาค ความละเอียด ชนิดของผลึก ความสามารถในการกระจายตัว ความเสถียร ความสามารถในการเกาะติดผิว โดยขนาดของอนุภาคที่เหมาะสม ควรอยู่ระหว่าง 100-10 นาโนเมตร จึงจะมีประสิทธิภาพในการปกป้องทั้งยูวีเอ ยูวีบี และกระจายได้ทั่วถึงโดยไม่ทำให้เกิดสีขาววอกเวลาใช้
ครีมกันแดด ชนิด Physical Sunscreen มีข้อดีคือ ไม่ทำให้ผิวเกิดความร้อน จึงอ่อนโยนและก่อให้เกิดอาการแพ้น้อยกว่าครีมกันแดดชนิด Chemical Sunscreen เพราะแร่ธาตุที่ใช้ เป็นของแข็งที่ไม่ซึมซาบเข้าสู่ผิวชั้นลึก ทำหน้าที่เพียงสะท้องแสง UV เท่านั้น และแม้ว่าอนุภาคมีขนาดเล็กกว่า 40 นาโนเมตร ก็จะสะสมในชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น ไม่ซึมสู่ผิวชั้นหนังแท้เหมือนครีมกันแดดชนิดเคมี
โดยขนาดอนุภาคของสารกันแดด จะมีผลในการสะท้อนรังสี ที่มีความยาวคลื่นแตกต่างกัน คือ

ขนาดอนุภาค 40 – 80 นาโนเมตร จะสะท้อนรังสีทั้ง UVB ,UVA และ V Ray ได้ดี มักใช้ในครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15-30 เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไปที่ออกแดดสลับกับอยู่ในร่ม การต้องโดนแสงไฟตลอดเวลา หรือการอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ ทั้งยังมีคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากริ้วรอยได้ดีอีกด้วย

ขนาดอนุภาค 10-40 นาโนเมตร จะสะท้อนรังสี UVB ได้ดีกว่า ทำให้ได้ค่า SPF ที่สูงได้ถึง 40 ขึ้นไป แต่ไม่สะท้อนรังสี UVA และ V ray จึงเหมาะกับการใช้เวลาออกแดดแรง ๆ นานๆ ทว่าจะไม่เหมาะกับการปกป้องผิวจากแสงแดดในที่ร่ม
ครีมกันแดดชนิด Physical Sunscreen นี้ สามารถทาก่อนออกแดดได้ทันที และไม่จำเป็นต้องทาซ้ำบ่อยๆ ที่สำคัญไม่ซึมเข้าสู่ผิวชั้นลึก จึงไม่ทำให้เกิดความร้อนสะสมที่ผิว หรืออาการระคายเคืองจากสารเคมีอีกด้วยค่ะ

นอกจากคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากแสงแดดแล้ว ครีมกันแดดที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด อาจมีส่วนผสมของสารที่ช่วยบำรุงผิว เติมความชุ่มชื้น หรือช่วยลดริ้วรอย เป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาเป็นทางเลือก การเลือกซื้อก็ต้องพิจารณาที่คุณภาพ และมาตรฐานของแต่ละยี่ห้อค่ะ

เอาล่ะค่ะ ได้ความรู้ดีๆ เกี่ยวกับครีมกันแดดกันไปครบถ้วน คราวนี้ คงถึงเวลาเตรียมตัวไปสนุกกับสงกรานต์วันไหลกันได้แบบไม่ต้องกลัวผิวดำคล้ำกันแล้วล่ะค่ะ เสร็จแล้ว หลังจากสงกรานต์ ก็อย่าลืมทาครีมกันแดดกันเป็นประจำด้วยนะคะ หน้าร้อนอย่างช่วงนี้ ผิวสวยๆ จะได้ไม่ถูกทำร้ายด้วยแดดแรงๆ ค่ะ ^^

สงกรานต์

57052374_2380192552012349_6378930563830513664_n.jpg
ส่งท้ายปีเก่า เริ่มต้นปีใหม่แบบไทยๆ ของเรา กับเทศกาลสงกรานต์
สงกรานต์ ที่ในวันนี้ อาจจะเลือนลาง คงเหลือเพียงความสำคัญในฐานะที่เป็นช่วงวันหยุดต่อเนื่องให้เราได้พักกันยาวๆ หรือ มีความสำคัญต่อหนุ่มสาว และเด็กๆ เพียงในฐานะเทศกาลแห่งความสนุกสนาน การเล่นน้ำ ความรื่นเริง และการสังสรรค์..

หลายๆ คน อาจจะได้มีโอกาสเข้าวัด ทำบุญ เป็นสิริมงคลสำหรับการเริ่มต้นปีใหม่ หลายๆ คน ได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมเยียน รดน้ำดำหัวญาติผู้ใหญ่ หลายๆ ครอบครัว ได้พบกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง…..ในขณะที่อีกหลายๆ บ้าน ได้มีโอกาสเดินทางไปพักผ่อน ทิ้งเรื่องราวเหนื่อยๆ ไวัด้านหลังได้ซักระยะ…

สงกรานต์ นอกเหนือจากความสนุกสนาน รื่นเริง และการได้พักผ่อน นอกเหนือจากการได้ทำบุญ เข้าวัด ได้สืบสานประเพณีอันดีงามแล้ว… สงกรานต์ หรือช่วงเวลาของการเข้าสู่ปีใหม่ของไทยเรา ยังนับเป็นอีกช่วงเวลาที่ดี ในการที่จะทิ้งเรื่องราวบางอย่าง เลิก ละ กับความเคยชินบางอย่าง และเริ่มต้นกับเรื่องราวดีๆ เริ่มต้น กับเส้นทางใหม่ๆ กับชีวิตของเราค่ะ..

ปีใหม่ทั้งที.. อย่าปล่อยให้ผ่านเพียงแค่อีกช่วงของวันหยุดยาวๆ… มาเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ มีเป้าหมายใหม่ๆ ที่ท้าทายยิ่งขึ้น มีความฝันใหม่ๆ และเริ่มออกเดินทางตามความฝันนั้นด้วยกัน..
สำหรับวันนี้ นำภาพของแสงอาทิตย์ยามเช้า ที่เริ่มทอแสงสดใสผ่านบ้านทรงไทยสวยๆ มาฝากกัน ภาพของการเริ่มต้นวันที่สดใส… ส่งท้ายปีเก่า และขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ปีใหม่ของไทยเราค่ะ ^^

เตรียมตัวรับสงกรานต์


เข้าสู่ช่วงสงกรานต์กันแล้ว ใครที่เตรียมตัวจะไปเล่นน้ำสงกรานต์ มาดูกันซักหน่อยว่าควรระมัดระวังอาการป่วยอะไรกันบ้าง ก็อากาศร้อนๆ เล่นน้ำสงกรานกันเปียกชุ่ม อาการป่วยที่ควรระวังกัน นอกเหนือจากการป้องกันระมัดระวังเรื่องของโควิด 19 ที่เริ่มกลับมาแพร่กระจายอีกรอบ ยังมีอีกหลายอย่างเลยค่ะ

เริ่มต้นด้วย โรคลมแดด หรือ ฮีทสโตรก อาการที่หลายๆ คนคิดว่าไม่รุนแรง แต่แท้ที่จริง สำหรับบางกรณี หากไม่ได้รับการปฐมพยาบาลที่ถูกต้อง อาการอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตกันได้เลยคะ  ที่สำคัญ โรคลมแดด เป็นโรคที่คนที่มีร่างกายแข็งแรงเป็นปกติ ก็สามารถเป็นได้ คือเมื่ออุณหภูมิภายในร่างกายสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส ร่างกายสูญเสียน้ำมาก เป็นเวลานานๆ ทำให้เลือดมีความเข้มข้นสูงขึ้น และร่างกายปรับตัวกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นไม่ทัน อาจทำให้มีอาการกระหายน้ำมากๆ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ ความดันโลหิตต่ำ ช็อก จนอาจถึงขั้นหมดสติได้ การป้องกันอาการของโรคลมแดด ทำได้โดยการหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดด หรือที่ร้อนอบอ้าว เป็นเวลานานๆ ดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งจะทำให้ร่างกายเสียน้ำมากยิ่งขึ้นค่ะ
และในกรณีที่มี่ผู้ป่วยเป็นโรคลมแดด การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ทำได้โดยให้นอนราบลง ยกเท้าทั้งสองข้างให้สูงเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด คลายเสื้อผ้าที่แน่นออก จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำเย็น หรือใช้น้ำแข็งประคบตามซอกตัว คอ รักแร้ เชิงกราน ศีรษะ พร้อมๆ กับพัด หรือใช้พัดลมช่วยเป่าเพื่อให้อากาศถ่ายเท ลดความร้อน และลดอุณหภูมิของร่างกายให้ต่ำลง จากนั้นให้รีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วค่ะ

โรคต่อมา คือ โรคตาแดง ซึ่งเป็นโรคตาที่พบได้บ่อย เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยมีสาเหตุมาจากการสัมผัสกับเชื้อโรค หรือสิ่งที่ไม่สะอาด ทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุตา ที่คลุมหนังตาบน และล่าง รวมถึงเยื่อบุตาที่คลุมตาขาว
โรคตาแดงนั้นอาจเป็นได้ทั้งแบบเฉียบพลัน และแบบเรื้อรัง โดยเกิดได้ทั้งจากติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส อาการภูมิแพ้ หรือ จากการสัมผัสสารที่ระคายเคืองต่อตา และ สำหรับในช่วงสงกรานต์ สิ่งที่ควรระมัดระวัง คือการสัมผัสกับเชื้อโรคที่มากับน้ำที่ไม่สะอาด การเล่นน้ำสงกรานต์ควรใส่แว่นตากันน้ำ เพื่อระมัดระวังไม่ให้น้ำที่อาจจะไม่สะอาดกระเด็นเข้าตา และหากเกิดอาการตาแดง แม้ว่าเป็นโรคที่โดยทั่วไปแล้วสามารถหายเองได้ในระยะ 1-2 สัปดาห์ แต่การพบแพทย์ เพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธีย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

โรคต่อมาที่ควรระมัดระวังกัน โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายน หน้าร้อนของไทย เป็นโรคที่เกี่ยวกับความสะอาดของอาการที่เราทานกัน โรคอาหารเป็นพิษ เพราะสงกรานต์เป็นช่วงที่อากาศร้อน และแห้ง เหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อโรคหลายๆ ชนิด อาหารต่างๆ ก็อาจบูดเสียได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหารที่มีส่วนผสมของกะทิ หรือนม นอกจากนั้น การทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่ไม่สะอาด ก็อาจทำให้เกิดโรคดังกล่าวได้เช่นกัน อาการที่เกิดขึ้นในผู้ป่วย ได้แก่อาการถ่ายเหลว คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และอาจมีภาวะขาดน้ำ ซึ่งในรายที่มีอาการรุนแรงอาจส่งผลให้เกิดภาวะช็อค หมดสติ และเสียชีวิตได้ เพราะฉะนั้น ควรระมัดระวังในการเลือกอาหาร รวมทั้งดื่มน้ำดื่มที่สะอาด เพื่อป้องกันอาการอาหารเป็นพิษกันด้วย

นอกเหนือจากอาการของโรคที่ควรระมัดระวังข้างต้นแล้ว การเล่นน้ำเป็นระยะเวลานานๆ และอยู่ในชุดที่เปียกชื้นตลอดเวลา ยังอาจส่งผลให้เกิดอาการของเชื้อราจากความอับชื้น อาการผื่นแพ้ และอาการของโรคผิวหนังได้อีกด้วย ก่อนออกไปเล่นน้ำสงกรานต์ อย่าลืมเลือกเสื้อผ้าที่บาง แห้งง่าย และไม่หนาจนทำให้เกิดความอับชื้นเป็นเวลานานๆ และควรรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าที่แห้งในทันที่ หลังเล่นน้ำสงกรานต์เสร็จ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีอาการอับชื้นที่จะก่อให้เกิดอาการของโรคผิวหนัง และเชื้อรานะคะ

เอาล่ะค่ะ ทราบกันไปแล้ว ถึงอาการและโรคต่างๆ ที่ควรจะระมัดระวังในช่วงสงกรานต์ ก่อนออกไปเล่นน้ำกัน ขอให้ป้องกัน และดูแลสุขภาพกันให้พร้อมด้วย ที่สำคัญอย่าลืมทาครีมกันแดดแบบกันน้ำ ที่มีค่า SPF มากกว่า 50+ เพื่อป้องกันรังสี UV จากแสงแดดและ ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ เพื่อชดเชยกับน้ำที่ร่างกายเสียไปด้วยนะคะ สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ ^^