ทานเจ แบบไม่ต้องกลัวอ้วน

14581539_1250801621618120_1676079461460597665_n
เข้าสู่เทศกาลกินเจ หลายๆ คน ที่ตั้งใจว่าจะกินเจ เพื่อชำระล้างให้ทั้งร่างกาย และจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ อาจจะกังวล และมีข้อสงสัยในเรื่องของสารอาหารที่ได้รับ ก็เพราะอาหารเจ ไม่มีเนื้อสัตว์ที่ให้โปรตีน ทั้งยังประกอบด้วยแป้งเป็นส่วนใหญ่ และอีกหลายๆ เมนู ยังเป็นของทอด ที่มาพร้อมกับน้ำมันที่จะมาเพิ่มน้ำหนักส่วนเกินกันอีกด้วย

วันนี้ มาดูกันค่ะ ว่าทานเจอย่างไร ให้หมดกังวลทั้งเรื่องของสารอาหาร และน้ำหนักที่อาจจะเพิ่มขึ้นมาเป็นของแถม

ที่จริงแล้ว อาหารเจ ก็เป็นอาหารโดยทั่วไปที่เรารับประทานกันอยู่นี่ล่ะค่ะ เพียงแต่มีความระมัดระวังในเรื่องของเครื่องเทศ เครื่องปรุง และการเลี่ยงการใช้เนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบ ทำให้แป้ง กลายมาเป็นวัตถุดิบหลักที่ถูกนำมาใช้ คำแนะนำสำหรับผู้ที่กังวลว่าจะต้องทานแป้งมากจนทำให้กลายไปเป็นน้ำหนักส่วนเกิน คือ ให้เลือกทานอาหารประเภทผักให้มากขึ้นค่ะ เลือกอาหารที่ทำจากผักในส่วนของใบ และหลีกเลี่ยงอาหารจากพืชประเภทหัว รวมทั้งในรูปของแป้งที่ผ่านการแปรรูป การเลือกทานอาหารประเภทผัก นอกจากจะช่วยลดปริมาณของแป้งแล้ว ยังให้กากใยสูง ช่วยทำความสะอาดระบบการย่อยอาหาร และการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญ ผักหลายๆ ชนิด เช่น ผักคะน้า บล็อกโคลี่ ปวยเล้ง ยังให้สารอาหารจำเป็นต่อร่างกายอีกหลายอย่างเลยล่ะค่ะ ทั้งแคลเซียม ธาตุเหล็ก และวิตามินสำคัญๆ อย่างไรก็ตาม สารอาหารผู้ที่ทานเจมักจะขาด คือ วิตามินบี 12 เพราะจะพบมากในเนื้อสัตว์ ตับสัตว์ และ ปลา แต่โชคดีที่สำหรับการทานเจในช่วงสั้นๆ ร่างกายของเรามีวิตามินบีสะสมไว้พอสมควรเลยล่ะค่ะ สำหรับคำแนะนำให้ทานผักให้มากขึ้น ไม่ได้แปลว่าเราควรจะงดแป้งไปเสียทั้งหมดนะคะ เพราะแป้งยังคงเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เนื่องจากเป็นแหล่งของพลังงานสำหรับร่างกาย เรายังคงต้องการอาหารประเภทแป้งอยู่ค่ะ แต่ถ้าจะให้ดี ลองเลือกหาธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี เพราะจะอุดมไปด้วยวิตามิน สารอาหาร และไฟเบอร์ที่เป็นประโยชน์

นอกเหนือจากการหลีกเลี่ยงแป้ง และปรับไปทานผักให้มากขึ้น สิ่งที่เราอาจจะระมัดระวังอีกอย่างหนึ่ง คือในส่วนของกรรมวิธีการปรุงอาหาร เพราะอาหารเจหลายๆ อย่าง เป็นของทอด หรืออาหารที่ผัดด้วยน้ำมัน ที่อาจจะเป็นปริมาณไขมันที่มากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ เมนูประเภทนึ่ง หรือต้ม น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีค่ะ

ระมัดระวังในเรื่องของแป้ง และไขมันกันไปแล้ว ส่วนสุดท้ายคงจะเป็นเรื่องของโปรตีนที่จำเป็น คำแนะนำของผู้ที่ทานเจ คือให้ทานผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากถั่วเหลือง  เช่น เต้าหู้ โปรตีนเกษตร ฟองเต้าหู้ รวมทั้งเห็ด สาหร่าย และ เนื้อเทียม เป็นกลูเตน ที่ถูกแปรรูปเพื่อใช้สำหรับทำอาหาร ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำมาจากแป้งสาลี ที่มีความเหนียว นุ่ม ให้ความรู้สึกทดแทนเนื้อสัตว์ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวค่ะ

เอาล่ะ ได้ข้อมูลกันไปแล้ว ถึงเวลาทานเจกันให้สบายใจ ดูแลในส่วนของโภชนาการให้เหมาะสม ชำระล้างร่างกายและจิตใจให้บริสุทธิ์ ไปพร้อมๆ กันนะคะ

ทานอาหารตามธาตุ ศาสตร์แห่งแพทย์แผนไทย

4-elements.jpg
วันนี้ ได้มีโอกาสแวะไปชิมอาหารอร่อยที่ร้าน ยำแอนด์ตำ ที่ ไลฟ์ เซ็นเตอร์ กับเมนูที่มีชื่อน่าทานกันหลายอย่างเลยทีเดียว แถมในเมนูอาหารยังมีการกำกับถึงการเลือกรับประทานอาหารตามธาตุที่เหมาะกับตัวเอง ธาตุที่ว่ามีทั้ง ดิน น้ำ ลม ไฟ … อ่านไปอ่านมาดูชักเข้าที เลยหาความรู้เพิ่มเติมแล้วนำมาฝากกันซักหน่อย

ศาสตร์การแพทย์แผนไทยได้บันทึกเอาไว้ ถึงธาตุประจำตัวของคนเราที่เกิดมา ว่ามีทั้งธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟ แต่ละธาตุจะส่งผลถึงบุคลิก ลักษณะนิสัย รวมถึงสุขภาพที่แตกต่างกันออกไป และตามตำราแพทย์แผนไทย อาหารก็ถูกใช้เป็นยาด้วยเช่นกัน แต่จะต่างจากศาสตร์อื่นๆ เพราะเน้นหนักไปที่รสชาติของอาหารในการสร้างสมดุล พฤติกรรมการบริโภคตามศาสตร์ของแพทย์แผนไทยจึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันอาการเจ็บป่วย
การแบ่งธาตุเจ้าเรือนตามตำราแพทย์แผนไทยจะดูจากเดือนเกิด นับเดือนธันวาคมเป็นเดือนแรก โดยนับช่วง 3 เดือนที่อยู่ติดกันย้อนกลับหลัง ถือเป็นธาตุเดียวกัน เริ่มจากธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม จนถึงธาตุไฟ เรียงตามลำดับ

ธาตุดิน (ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม) รสชาติที่เหมาะกับคนธาตุนี้ได้แก่ รสฝาด รสหวาน รสเค็ม คุณสมบัติของรสฝาดจะช่วยสมานแผลทั้งภายใน และภายนอก คุณสมบัติของรสหวานจะช่วยบำรุงกำลัง ให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ไม่อ่อนเพลีย ในขณะที่รสเค็ม จะช่วยแก้เรื่องโรคผิวหนัง และช่วยทำความสะอาดลำไส้ ผัก ผลไม้ ที่แนะนำได้แก่ มังคุด ฝรั่ง ฟักทอง เผือก ถั่วชนิดต่างๆ หัวมันเทศ กล้วยดิบ ยอดมะม่วงหิมพานต์ ผักหวาน ผักโขม สะตอ ดอกโสน เป็นต้น

ธาตุน้ำ (กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน) รสชาติที่เหมาะกับคนธาตุนี้ได้แก่ รสเปรี้ยว เพราะจะช่วยแก้เสมหะ และช่วยฟอกเลือด ผักผลไม้ ที่แนะนำสำหรับคนธาตุน้ำจะเน้นเปรี้ยวนำ เช่น มะนาว ส้ม สับปะรด มะยม มะกอก มะดัน กระท้อน ขี้เหล็ก มะอึก มะเขือเครือ สะเดาบ้าน มะระขี้นก มะแว้ง ใบยอ และ มะเขือเทศ

ธาตุลม (เมษายน พฤษภาคม มิถุนายน) รสชาติที่เหมาะกับคนธาตุลมได้แก่ รสเผ็ดร้อน เพราะจะช่วยขับลม แก้อาการจุก แน่น ผักผลไม้ที่แนะนำสำหรับคนธาตุลมได้แก่ เมนูร้อนๆ อย่างขิง ข่า พริกไทย ขมิ้นชัน ชะพลู พริกขี้หนูสด สะระแหน่ กานพลู

ธาตุไฟ (มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม) รสอาหารที่เหมาะกับคนธาตุไฟคือ รสขม ที่จะช่วยบำรุงเลือด แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แถมยังช่วยให้เจริญอาหารอีกด้วย เมนูที่จัดอยู่ในกลุ่มเย็น ที่จะช่วยดับไฟทำให้ใจชื้น และบำรุงหัวใจ รวมถึงรสจืด ที่จะช่วยขับปัสสาวะ ขับพิษ แก้ไข้ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ผักผลไม้ที่แนะนำสำหรับคนธาตุไฟ ได้แก่ แตงกวา มันแกว พุทรา แอปเปิ้ล ผักบุ้ง ตำลึง ผักกระเฉด สายบัว ผักกาดจีน มะระ มะรุม มะเขือยาว ยอดมันเทศ กระเจี๊ยบมอญ สะเดา ยอดฟักทอง หยวกกล้วย หม่อน มะเขือยาว กุ้ยช่าย เป็นต้นค่ะ

ความรู้จากศาสตร์การแพทย์แผนไทยแต่โบราณกาล ใช้อาหารต่างยาในการสร้างสมดุลย์ให้ร่างกายแข็งแรง ไร้โรคภัย กำลังกลับมาได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเพียงแค่เลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ เหมาะสมกับธาตุประจำตัว ก็จะช่วยป้องกันโรคทั้งหลาย เป็นทางเลือกที่ง่ายกว่าที่จะต้องใช้ยาหรือมารักษาอาการป่วยกันในภายหลังค่ะ

อาหารบำบัดโรค : มารู้จัก Raw Food และ Vegan Food กันค่ะ

เมื่ออาหารทำหน้าที่แทนยาดูแลรักษาร่างกาย raw foodเมื่อ Raw Food กับ Vegan Food กลายเป็นอีกหนึ่งกระแสที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากมาย โดยเฉพาะในเมืองนอกที่ดาราฮอลลีวูดต่างหันมารับประทานอาหารจากพืชผักสด จนมีสูตรอาหารต่างๆ ของ Raw Food กับ Vegan Food ออกมามากมาย หลายคนยังอดติดใจสงสัยไม่ได้ว่า แล้ว Raw Food กับ Vegan Food คืออะไร

วันนี้ได้เวลามาไขคำตอบกันซักหน่อย Raw Food และ Vegan Food คืออะไร? ตอบข้อสงสัยกันก่อนเลยว่า “Raw food” คือ อาหารที่ทำจากผลไม้สด ผักสด ต้นอ่อนของเมล็ดพืช ซึ่งวัตถุดิบทั้งหมดจะไม่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งทางเคมี ไม่มีแป้งและน้ำตาล ใช้ความร้อนไม่เกิน 46 องศาเซลเซียส เพื่อคงคุณค่าของเอ็นไซม์ วิตามิน และเกลือแร่ ทั้งแหล่งวัตถุดิบที่นำมาใช้ ไม่มีการใช้สารเคมี และที่สำคัญ ต้องเป็นผักผลไม้ตามฤดูกาลเพื่อคงความธรรมชาติและปลอดภัยจากสารเคมีอย่างแท้จริง ส่วน Vegan food ก็คืออาหารที่ไม่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ทุกชนิด ที่เราน่าจะรู้จักกันดีในชื่อของ อาหารมังสวิรัตินั่นเอง

Raw Food เมนูเพิ่มพลังชีวิต จากการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง ทั้งพืชผักสด ที่เป็นผักออร์แกนิคเท่านั้น รสชาติทุกอย่างล้วนได้มาจากธรรมชาติอย่างแท้จริง ทั้งผู้ปรุงยังต้องปรุงด้วยใจรักและใส่ใจในทุกรายละเอียดของอาหารแต่ละเมนู Raw Food เป็นอาหารที่ช่วยเพิ่มพลังให้กับชีวิต รับประทานแล้วมีสุขภาพดี สวยได้จากภายในสู่ภายนอก ด้วยเอนไซม์จากผัก ผลไม้ ที่เหมาะสมสำหรับร่างกายของเรา สำหรับมนุษย์เรา นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์ไว้ ว่าเป็นสัตว์กินพืช Raw Food จะช่วยล้างสารพิษ เพิ่มภูมิต้านทาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง สายตา และระบบการย่อยอาหาร ทั้งยังจะทำให้ผิวพรรณสดใส รักษาสมดุลย์ของน้ำหนัก และที่สำคัญเป็นอาหารที่ส่งผลต่ออารมณ์ มีส่วนทำให้อารมณ์ดีอีกด้วย

ทำไม Raw Food จึงหาทานได้ยาก ? อย่างที่ทราบกันว่าการบริโภคผักออร์แกนิคนั้นยังถูกจำกัดอยู่ในกลุ่มเล็กๆของผู้รักสุขภาพจริงๆ เนื่องจากราคาจะสูงกว่าผักทั่วไปพอสมควร ซึ่งก็เป็นเพราะ กว่าจะได้พืชผักออร์แกนิค เกษตรกรจะต้องเริ่มตั้งแต่การเตรียมดินที่ใช้เวลานานถึง 7 ปี ปล่อยผืนดินให้ว่าง พลิกหน้าดินเพื่อชะล้างสารพิษต่างๆ ที่คั่งค้างอยู่ ผ่านระบบนิเวศน์ตามธรรมชาติ เกษตรกรที่ปลูกพืชผักออร์แกนิค เป็นผู้ที่ปลูกด้วยหัวใจจริงๆ จากระยะเวลาที่ต้องยอมเสีย ซ้ำบางครั้งยังไม่ได้ผลผลิตตามที่ตั้งใจไว้ ประกอบกับการเก็บรักษาผักเหล่านี้ยังมีช่วงเวลาที่จำกัด เพราะปราศจากการใช้สารเคมีในการถนอมอาหาร ปัจจุบัน ต้องกล่าวว่ามีร้านอาหารเพียงไม่กี่ร้านที่สามารถรักษามาตรฐานของเมนู Raw Food จริงๆไว้ได้

เมนู Raw Food อาหารบำบัดโรค การรับประทานอาหารที่ดีมีคุณประโยชน์ ร่างกายย่อมห่างไกลจากโรค ยิ่งในปัจจุบันศาสตร์การรักษาโรคด้วยอาหารเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ การรักษาโรคด้วยอาหารนั้นต่างจากการรักษาโรคด้วยการใช้ยาซึ่งเป็นการรักษาเฉพาะอาการเจ็บป่วยนั้นๆ แต่การรักษาโรคด้วยอาหารจะเป็นการสร้างสมดุลย์ให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงได้ในระยะยาว ทว่าจำเป็นต้องใช้ความอดทน และความตั้งใจสูง เพราะอาจจะไม่ได้เห็นผลในทันที และบ่อยครั้งมักจะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ทำให้หลายๆ คนล้มเลิกความตั้งใจกันไปเสียก่อน เมนูอาหารส่วนใหญ่ของ Raw Food นั้นมักจะประกอบไปด้วยส่วนสารอาหารที่มีคุณสมบัติเป็นยา ลองมาดูกันดีกว่าว่าส่วนประกอบเหล่านี้รักษาร่างกายของเราอย่างไรบ้าง

ลูกเดือย สั่งเมนู Raw Food ทีไรมักจะมีลูกเดือยเป็นพระเอกของจาน ก็เพราะลูกเดือยมีคุณค่าทางอาหารสูง ให้พลังงานและเส้นใยสูงมาก มีคุณสมบัติในการบำบัดโรค ทั้งยังช่วยในระบบการย่อยให้อาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้น พลังงานที่ได้จากลูกเดือย ร่างกายของเราจะสามารถนำไปใช้ทันที เหมาะมากๆ สำหรับสาวออฟฟิศ เพราะมีวิตามินบี 1 และบี 2 ช่วยแก้อาการเหน็บชาจากการนั่งทำงานนานๆ และสำหรับคนที่อยากลดความอ้วน ลูกเดือยมีส่วนช่วยลดความอ้วน ทั้งยังช่วยบำรุงผมและผิวให้ชุ่มชื้นจากสารซิลิคอนที่มีอยู่ในเนื้อลูกเดือยอีกด้วย

หัวบุก ทางเลือกทดแทนของเมนูเส้นทั้งหลาย ที่มีประโยชน์มากกว่าเป็นไหนๆ เพราะเส้นที่ผลิตจากแป้งบุกนั้นจะมีแป้งประมาณ 67% และ โปรตีน 5-6% โดยสารแป้งแมนแนน ที่อยู่ในเนื้อบุกเมื่อแตกตัวจะมีคุณสมบัติในการดูดซึมน้ำตาลกลูโคสในระบบทางเดินอาหาร ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอล และน้ำตาลในเลือด คนที่เป็นโรคอ้วนและเบาหวานจึงความรับประทานเมนูบุกเป็นอย่างยิ่ง

ผักสลัด เมนู Raw Food จะน่าทานมากขึ้นเมื่อมีสีเขียวๆ จากสลัดมากหน้าหลายตา อย่าง กรีนโอ๊ด เร้ดโอ๊ค หรือคอส กรีนโอ๊คเป็นผักที่ทานง่าย นุ่ม รสชาติอร่อย ผักชนิดนี้ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด บำรุงสายตา บำรุงเส้นผม ระบบประสาท รวมถึงระบบกล้ามเนื้ออีกด้วย เร้ดโอ๊ค ผักใบหยักสวยสีน้ำตาลแดงชนิดนี้ ก็คล้ายๆ กับกรีนโอ๊ค แต่มีคุณสมบัติที่เพิ่มมากขึ้นคือการช่วยป้องกันโรคปากนกกระจอก ช่วยบำรุงร่างกายและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพราะมีโฟเลท ธาตุเหล็ก และวิตามินซีสูง คอส ผักสีเขียวเข้มสด มีรสชาติหวาน กรอบ ช่วยล้างพิษ ป้องกันโรคโลหิตจาง และช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง

อะโวคาโด เพื่อนรู้ใจสำหรับสาวๆ เลยก็ว่าได้ เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซีที่ดูแลผิวพรรณให้สวยสดใสเปล่งปลั่งและยังมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ลดอัตราการเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง และโรคหัวใจ ได้เป็นอย่างดี ช่วยลดระดับของโคเลสเตอรอล ช่วยลดภาวะหลอดเลือดอุดตัน และช่วยป้องกันการเป็นโรคที่เกี่ยวกับดวงตา นอกจากวัตถุดิบเหล่านี้แล้ว เมล็ดอัลมอน บีทรูท แก้วมังกร และผลไม้ตามฤดูต่างๆ เมื่อนำมาปรุงเป็นอาหารเมนู Raw Food ก็จะช่วยบำรุง สุขภาพจากภายในให้แข็งแรงได้โดยไม่ต้องพึ่งยา

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.facebook.com/AriyaOrganicCafe

ลองเริ่มสนใจเมนูสุขภาพ ดูแลตัวเองเสียตั้งแต่วันนี้ จะได้ไม่ต้องพึ่งคุณหมอ และลดการใช้ยาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวค่ะ
http://www.lifecenterthailand.com

ทดลองทำเมนู Raw Food  ง่ายๆ ได้ ตามบทความต่อไปเลยนะคะ

https://lifecenterthailand.wordpress.com/2015/02/10/เข้าครัว-กับเมนู-ซูชิ-อา/

#rawfood #รอฟู้ด #มังสวิรัติ #veganfood