ทำอย่างไรดี … อยากมีน้องซักคน

ท้อง.jpg

อาจเป็นเพราะบทบาท หน้าที่การงาน ความเร่งรีบ หรือวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ที่ทำให้การคิดจะมีลูกซักคน ในหลายๆ ครอบครัวที่แต่งงานไปแล้ว กลับกลายเป็นเรื่องยาก
ใครที่ยังไม่เจอกับปัญหานี้อาจจะไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องทุกข์ใจสักเท่าใหร่ แต่สำหรับคนที่อยากเป็นพ่อ-แม่ แล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะมีเจ้าตัวน้อยสักที กลับเป็นการรอคอยที่ยาวนานมากๆ เลยล่ะ วันนี้เราเลยมีความรู้ดีๆ มาฝากกันค่ะ

รู้ไหมคะ ว่าปัญหาของการมีบุตรยากนั้น ประมาณ 40% เกิดจากฝ่ายชาย โดยเกิดจากการสร้างเชื้อที่ผิดปกติ ทำให้ไม่มีเชื้อ หรือได้เชื้ออสุจิที่คุณภาพไม่ดี มีจำนวนเชื้อน้อย เคลื่อนไหวน้อย หรือมีรูปร่างผิดปกติมาก วันนี้เราจึงขอเริ่มต้นที่การแก้ปัญหาในส่วนของฝ่ายชายกันก่อน การตรวจเชื้ออสุจิ เป็นวิธีหลักในการตรวจ ที่ใช้ในการวินิจฉัยภาวะมีบุตรยากในฝ่ายชาย องค์การอนามัยโลกได้กำหนดค่ามาตรฐานของอสุจิปกติเอาไว้ คือ ในการหลั่งอสุจิออกมาแต่ละครั้งจะต้องมีปริมาตรระหว่าง 2-6 มิลลิลิตร และมีฤทธิ์เป็นด่าง มีค่า pH ปกติอยู่ระหว่าง 7.2 – 8.5 และความเข้มข้นของตัวอสุจิในน้ำอสุจิควรจะมีมากกว่า 20 ล้านตัว / 1 มิลลิลิตร หากมีความเข้มข้นต่ำกว่านี้แล้ว จะพบว่าอัตราการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติก็จะมีแนวโน้มที่จะลดลงด้วย ความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบัน สามารถช่วยให้ฝ่ายชายที่เป็นหมัน คือไม่มีตัวอสุจิในน้ำอสุจิ ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจาก การอุดตันของท่อนำอสุจิ หรือการไม่มีท่อนำอสุจิมาตั้งแต่กำเนิด มีปัญหาในเรื่องของการหลั่ง ตัวอสุจิที่หลั่งออกมาตายหมด หรือมีการอักเสบของอัณฑะเนื่องจากเชื้อไวรัสคางทูม หรือเชื้ออื่นๆ ให้สามารถมีบุตรของตนเองได้ โดยการนำเอาตัวอสุจิออกมาใช้ในขบวนการอิ๊คซี่ ด้วยวิธีการต่อไปนี้ค่ะ
– พีซ่า (PESA = Percutaneous Epididymal Sperm Aspiration) คือ การใช้เข็ม แทงผ่านผิวหนังบริเวณอัณฑะเข้าไปในท่อพักน้ำเชื้อ แล้วดูดตัวอสุจิออกมา
– มีซ่า (MESA = Microsurgical Epiddymal Sperm Aspiration) คือ การผ่าตัดเข้าไปหาท่อพักน้ำเชื้อส่วน epididymis แล้วจึงใช้เข็มแทงเข้าไป และดูดตัวอสุจิออกมา
– ทีซ่า (TESA = Testicula Sperm Aspiration) คือ การใช้เข็มแทงผ่านผิวหนังบริเวณอัณฑะเข้าไปในลูกอัณฑะ แล้วดูดตัวอสุจิออกมา
– ทีซี่ (TESE = Testicular biopsy Sperm Extraction) คือ การผ่าตัดเอาเนื้ออัณฑะออกบางส่วน แล้วแยกตัวอสุจิที่ค้างอยู่ในเนื้ออัณฑะออกมา ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาเรื่องการมีบุตรยากที่เกิดจากฝ่ายชายค่ะ

สำหรับอีกทางเลือก สำหรับผู้มีบุตรยาก ก็คือการปฏิสนธินอกร่างกาย (In vitro fertilization) ซึ่งก็คือการนำไข่และอสุจิมาผสมให้เกิดการปฏิสนธิกลายเป็นตัวอ่อนในห้องทดลอง หลังจากนั้นจึงนำตัวอ่อนที่เกิดขึ้นใส่กลับเข้าโพรงมดลูกของฝ่ายหญิง เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์
หลักการของการปฏิสนธินอกร่างกาย คือ การกระตุ้นไข่ในฝ่ายหญิง จากนั้นก็ต้องติดตามการเจริญเติบโตของไข่ และเก็บไข่ หลังจากนั้นนำไข่มาผสมกับเชื้ออสุจิในห้องทดลอง เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิ โดยต้องควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น ปริมาณก๊าซต่างๆ ในบรรยากาศให้เหมาะสม และใช้น้ำยาเลี้ยงตัวอ่อนที่เตรียมไว้เป็นพิเศษ ประมาณ 16-18 ชั่วโมงหลังการปฏิสนธิ จะเริ่มเกิดการแบ่งตัวเป็นตัวอ่อน และหลังจากนั้นอีก 24 ชั่วโมง จะมีการแบ่งตัวเป็นตัวอ่อนระยะ 2-4 เซลล์ และเป็นตัวอ่อนระยะ 8-12 เซลล์ ในอีก 24 ชั่วโมงต่อมา โดยจะทำการเลี้ยงตัวอ่อนต่ออีกประมาณ 3-5วัน จึงจะทำการย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูก เพื่อให้มีการฝังตัวและเจริญเติบโตต่อไป
โดยปกติแล้ว ตัวอ่อนจะถูกใส่กลับจำนวน 2-3 ตัว ถ้ามีเหลืออยู่อีก และเป็นตัวอ่อนที่แข็งแรง ก็จะทำการแช่แข็งเก็บไว้ ให้ตัวอ่อนที่แช่แข็งสามารถนำมาใส่กลับได้อีกในรอบต่อไปของการรักษา

แล้วกรณีไหนบ้างที่เหมาะกับการทำการปฏิสนธินอกร่างกาย คุณหมอได้ให้ความรู้มาค่ะ ว่าผู้ที่เหมาะกับการทำการทำการปฏิสนธินอกร่างกาย ได้แก่
1. ฝ่ายหญิงมีความผิดปกติของท่อนำไข่ตีบหรือตันทั้งสองข้าง
2.ฝ่ายหญิงมีพังผืดในอุ้งเชิงกรานมาก และรักษาด้วยการผ่าตัดแล้วไม่ได้ผล
3.ฝ่ายหญิงมีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ และรักษาภาวะนี้แล้วด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล
4.เชื้ออสุจิฝ่ายชายคุณภาพไม่ดี ซึ่งรักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล
5.ภาวะมีบุตรยากที่ไม่ทราบสาเหตุ

และเป็นธรรมดาค่ะ ใครที่หวังจะมีบุตร และถึงขนาดมาปรึกษาคุณหมอกัน ก็ย่อมตั้งความหวังไว้แล้วล่ะค่ะว่าจะได้เห็นหน้าลูกน้อยในเร็ววัน สำหรับอัตราความสำเร็จของวิธีดังกล่าวนั้น อยู่ที่ประมาณ 40-50% ค่ะ ทั้งนี้ขึ้นกับอายุของฝ่ายหญิงด้วย
รู้อย่างนี้แล้ว น่าจะช่วยเพิ่มความหวังให้กับผู้ที่อยากจะมีน้อง แต่รู้สึกว่าตัวเองอาจจะอยู่ในภาวะการมีบุตรยากให้ได้สบายใจมากขึ้นนะคะ เรื่องการมีบุตรยากเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อน และเฉพาะตัว ผู้ที่อยากได้คำปรึกษาเพิ่มเติม แนะนำให้ติดต่อเพื่อขอเข้าไปปรึกษากับคุณหมอโดยตรงจะดีที่สุดค่ะ ^^

……. ขึ้นอยู่กับมุมที่เรามอง

2015Sat02
เผลอนิดเดียว ปีใหม่ก็เดินทางมาจนเกือบจะครบครึ่งเดือนแรกของปีแล้ว วันเวลาช่างผ่านไปรวดเร็วจริงๆ …. ใครที่ตั้งใจจะทำอะไร อย่ารอช้านะคะ คิดให้ดี แล้วเริ่มลงมือทำ เพราะอีกเดี๋ยวเดียวก็จะขึ้นปีใหม่กันอีกรอบแล้ว..
ปีใหม่รอบนี้ หลายๆ ท่าน อาจจะมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองในทางใดทางหนึ่ง…. วันนี้ เราจึงขอนำบทความที่ให้แง่คิดดีๆ จาก http://www.facebook.com/lifecenterthailand มาฝากกันค่ะ ^^

————————————————————————————

เดินไปลานจอดรถวันนี้ ได้ยินเสียงเครื่องจักรกำลังทำงานอยู่ใกล้ๆ มองข้ามกำแพงที่จอดรถไปก็เห็นว่ามีเครนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ พอเงยหน้าขึ้นมองถึงได้เห็นว่าไม่ได้มีเครนเพียงตัวเดียว แต่มีเครนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงนั้นอีกหลายตัว…

ทั้งที่บริเวณนี้เป็นที่ที่ไปจอดรถซื้อของเป็นประจำ แต่ครั้งนี้กลับเป็นครั้งแรกที่ได้เงยหน้ามองในมุมที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่มักจะเคยมองแค่เพียงในระดับสายตา จนทำให้เริ่มเกิดความสงสัยว่าเป็นงานก่อสร้างอะไร จะเป็นอาคารสูงแห่งใหม่ เป็นที่พักอาศัย หรือจะเป็นสำนักงาน.. และความอยากรู้ก็ทำให้ต้องเริ่มหาคำตอบ… สุดท้าย ต้องเดินย้อนออกไปดูด้านนอก สอบถามคนแถวนั้น จนได้คำตอบที่ต้องการ…

มุมมองที่เปลี่ยนไป ย่อมนำไปสู่ความคิด การค้นหา และสิ่งใหม่ๆ เสมอ และไม่ว่าสิ่งนั้น จะเป็นอะไร จะเป็นเพียงความสงสัย หรือจะเป็นคำตอบ ที่แน่ๆ มุมคิด และพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ไม่ได้เกิดจากปัจจัยเพียงส่วนเดียว ไม่ใช่เกิดเพียงจากการเปลี่ยนวิธีคิด แต่อาจเกิดจากสิ่งใหม่ๆ ที่เราได้มองเห็นอีกด้วย…

การเปลี่ยนแปลง นอกจากจะเปลี่ยนจากภายใน คือความคิดของเราแล้ว สิ่งที่เรารับมาจากภายนอก มุมที่เราได้รับรู้ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน..

ปีใหม่ปีนี้ ได้เห็นหลายๆ คน ตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงตัวเองในหลายๆ ด้าน ทั้งเปลี่ยนความเคยชินเดิมๆ เปลี่ยนความคิดเดิมๆ … วันนี้ อย่าลืมมองออกไปให้ไกลตัว เดินทางไปในที่ใหม่ๆ มองหาสิ่งใหม่ๆ และที่สำคัญ ลองมองสิ่งต่างๆ ในมุมมองใหม่ๆ กันด้วยนะคะ… เพราะมุมมองใหม่ๆ จะนำมาซึ่งสิ่งใหม่ๆ เสมอค่ะ ^^