ทานอาหารตามธาตุ ศาสตร์แห่งแพทย์แผนไทย

4-elements.jpg
วันนี้ ได้มีโอกาสแวะไปชิมอาหารอร่อยที่ร้าน ยำแอนด์ตำ ที่ ไลฟ์ เซ็นเตอร์ กับเมนูที่มีชื่อน่าทานกันหลายอย่างเลยทีเดียว แถมในเมนูอาหารยังมีการกำกับถึงการเลือกรับประทานอาหารตามธาตุที่เหมาะกับตัวเอง ธาตุที่ว่ามีทั้ง ดิน น้ำ ลม ไฟ … อ่านไปอ่านมาดูชักเข้าที เลยหาความรู้เพิ่มเติมแล้วนำมาฝากกันซักหน่อย

ศาสตร์การแพทย์แผนไทยได้บันทึกเอาไว้ ถึงธาตุประจำตัวของคนเราที่เกิดมา ว่ามีทั้งธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟ แต่ละธาตุจะส่งผลถึงบุคลิก ลักษณะนิสัย รวมถึงสุขภาพที่แตกต่างกันออกไป และตามตำราแพทย์แผนไทย อาหารก็ถูกใช้เป็นยาด้วยเช่นกัน แต่จะต่างจากศาสตร์อื่นๆ เพราะเน้นหนักไปที่รสชาติของอาหารในการสร้างสมดุล พฤติกรรมการบริโภคตามศาสตร์ของแพทย์แผนไทยจึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันอาการเจ็บป่วย
การแบ่งธาตุเจ้าเรือนตามตำราแพทย์แผนไทยจะดูจากเดือนเกิด นับเดือนธันวาคมเป็นเดือนแรก โดยนับช่วง 3 เดือนที่อยู่ติดกันย้อนกลับหลัง ถือเป็นธาตุเดียวกัน เริ่มจากธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม จนถึงธาตุไฟ เรียงตามลำดับ

ธาตุดิน (ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม) รสชาติที่เหมาะกับคนธาตุนี้ได้แก่ รสฝาด รสหวาน รสเค็ม คุณสมบัติของรสฝาดจะช่วยสมานแผลทั้งภายใน และภายนอก คุณสมบัติของรสหวานจะช่วยบำรุงกำลัง ให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ไม่อ่อนเพลีย ในขณะที่รสเค็ม จะช่วยแก้เรื่องโรคผิวหนัง และช่วยทำความสะอาดลำไส้ ผัก ผลไม้ ที่แนะนำได้แก่ มังคุด ฝรั่ง ฟักทอง เผือก ถั่วชนิดต่างๆ หัวมันเทศ กล้วยดิบ ยอดมะม่วงหิมพานต์ ผักหวาน ผักโขม สะตอ ดอกโสน เป็นต้น

ธาตุน้ำ (กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน) รสชาติที่เหมาะกับคนธาตุนี้ได้แก่ รสเปรี้ยว เพราะจะช่วยแก้เสมหะ และช่วยฟอกเลือด ผักผลไม้ ที่แนะนำสำหรับคนธาตุน้ำจะเน้นเปรี้ยวนำ เช่น มะนาว ส้ม สับปะรด มะยม มะกอก มะดัน กระท้อน ขี้เหล็ก มะอึก มะเขือเครือ สะเดาบ้าน มะระขี้นก มะแว้ง ใบยอ และ มะเขือเทศ

ธาตุลม (เมษายน พฤษภาคม มิถุนายน) รสชาติที่เหมาะกับคนธาตุลมได้แก่ รสเผ็ดร้อน เพราะจะช่วยขับลม แก้อาการจุก แน่น ผักผลไม้ที่แนะนำสำหรับคนธาตุลมได้แก่ เมนูร้อนๆ อย่างขิง ข่า พริกไทย ขมิ้นชัน ชะพลู พริกขี้หนูสด สะระแหน่ กานพลู

ธาตุไฟ (มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม) รสอาหารที่เหมาะกับคนธาตุไฟคือ รสขม ที่จะช่วยบำรุงเลือด แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แถมยังช่วยให้เจริญอาหารอีกด้วย เมนูที่จัดอยู่ในกลุ่มเย็น ที่จะช่วยดับไฟทำให้ใจชื้น และบำรุงหัวใจ รวมถึงรสจืด ที่จะช่วยขับปัสสาวะ ขับพิษ แก้ไข้ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ผักผลไม้ที่แนะนำสำหรับคนธาตุไฟ ได้แก่ แตงกวา มันแกว พุทรา แอปเปิ้ล ผักบุ้ง ตำลึง ผักกระเฉด สายบัว ผักกาดจีน มะระ มะรุม มะเขือยาว ยอดมันเทศ กระเจี๊ยบมอญ สะเดา ยอดฟักทอง หยวกกล้วย หม่อน มะเขือยาว กุ้ยช่าย เป็นต้นค่ะ

ความรู้จากศาสตร์การแพทย์แผนไทยแต่โบราณกาล ใช้อาหารต่างยาในการสร้างสมดุลย์ให้ร่างกายแข็งแรง ไร้โรคภัย กำลังกลับมาได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเพียงแค่เลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ เหมาะสมกับธาตุประจำตัว ก็จะช่วยป้องกันโรคทั้งหลาย เป็นทางเลือกที่ง่ายกว่าที่จะต้องใช้ยาหรือมารักษาอาการป่วยกันในภายหลังค่ะ

อาหารตามธาตุเจ้าเรือน ดิน น้ำ ลม ไฟ

IMG_33951

เคยนำเรื่องแพทย์แผนไทย และอาหารที่เหมาะกับชาวธาตุต่างๆ มาฝากกันแล้ว วันนี้มีโอกาสแวะชิมอาหารที่ร้าน ยำแอนด์ตำ ชั้น G ที่ Life Center เลยได้จังหวะ เจาะลึกลงรายละเอียดกันซักหน่อย ว่าแต่ละธาตุ จะเหมาะกับการดูแลตัวเองแบบไหน และอาหารเมนูไหนที่เหมาะกันบ้าง จะได้รับประทานอาหารให้เป็นยา เพื่อปรับสมดุลให้ร่างกายกันค่ะ

ทวนกันซักนิด ว่าใครมีธาตุอะไรกันบ้างนั้น ลองไล่อ่านกันดูเลยค่ะ จะอ่านเผื่อคนใกล้ตัว หรือคนที่เรารักก็ได้นะคะ จะได้แข็งแรงกันทั่วหน้า

“ธาตุไฟ”
เริ่มกันที่ธาตุที่ร้อนแรงที่สุด นั่นก็คือ “ธาตุไฟ” ผู้ที่อยู่ในธาตุไฟ คือ ผู้ที่เกิดในเดือน กุมภาพันธ์ มีนาคม และ เมษายน
ลักษณะของชาวธาตุไฟ คนธาตุนี้มักขี้ร้อน ใจร้อน อารมณ์ร้อน ระบบเผาผลาญอาหารดี จะหิวบ่อยทานเก่ง ผมหงอกเร็ว อาจจะหัวล้าน ข้อกระดูกหลวม และอาจมีกลิ่นปาก กลิ่นตัวแรง
รสอาหารที่เหมาะ คืออาหารที่มี รสขม และรสจืด ควรทานอาหารที่มีฤทธิ์เย็น
ผัก ผลไม้สำหรับธาตุไฟ ได้แก่ เห็ดหูหนู ผักบุ้ง ตำลึง ผักกระเฉด สายบัว ผักกาด มะระ มะรุม มะเขือยาว ผักหนาม ยอดมันเทศ กระเจี๊ยบมอญ สะเดา ยอดฝักทอง หยวกกล้วย หม่อน มะเขือขาว กุ้ยช่าย
เมนูแนะนำ สำหรับชาวธาตุไฟ “ยำเห็ดหูหนูขาว”
สรรพคุณของเห็ดหูหนูขาวที่สำคัญ คือ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ เสริมภูมิคุ้มกัน ทำให้การไหลเวียนเลือดของหัวใจดีขึ้น (ลดอาการหลอดเลือดหัวใจขาด ตีบตัน) มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ลดอาการแทรกซ้อนภายหลังการฉายแสงรักษาโรคมะเร็ง สามารถขจัดรอยย่นบนผิว ช่วยให้ผิวพรรณงดงามขึ้นเนื่องจากมีธาตุซีลีเนียมที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีกว่ำเบต้าแคโรทีน จึงช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์อีกด้วยค่ะ
นอกจากนั้นยังช่วยบำบัดอาการอ่อนเพลีย แก้อาการเบื่ออาหาร นอนไม่หลับ แก้ไอ แก้ร้อนใน ขับเสมหะ ช่วยระบายท้อง รักษาแผลในกระเพาะ บำรุงกระเพาะ ปอด และม้าม ช่วยให้เลือดแข็งตัว เส้นใยในเห็ดหูหนูขาวช่วยป้องกันมะเร็งกระเพาะ มะเร็งลำไส้ และ ริดสีดวงทวาร แคลเซียมในเห็ดหูหนูขาวช่วยบำรุงกระดูกและฟัน และเนื่องจากเห็ดหูหนูขาวมีแคลอรีต่ำ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก และวิตามินบีในเห็ดหูหนูขาวยังช่วยบำรุงสมองอีกด้วยค่ะ
เห็ดหูหนูขาวทานง่าย เพราะรสหวานอ่อนๆ เอามาทำเป็นอาหารก็ง่าย คลุกกับน้ำยำรสเข้มข้นก็ยิ่งอร่อย แบบนี้ทั้งอร่อย ทั้งดีต่อสุขภาพด้วยนะคะ

“ธาตุลม”
ถัดจากธาตุไฟที่ร้อนแรง มาดูกันต่อที่ธาตุลมกันดีกว่า ผู้ที่อยู่ในธาตุลม คือ ผู้ที่เกิดในเดือน พฤษภาคม มิถุนายน และ กรกฎาคม
ลักษณะของคนธาตุลม คนเกิดธาตุนี้มักเป็นคนอ่อนไหว เปลี่ยนแปลงเสมอ รูปร่างของผู้ที่อยู่ในธาตุลมจะ ค่อนข้างโปร่ง ดูอ่อนกว่าวัย ริมฝีปากอิ่ม ช่างพูด ดวงตากลมโต สดใส มีชีวิตชีวา ไม่ชอบอยู่นิ่ง นิสัยเป็นคนฉลาด ไหวพริบดี มีเสน่ห์งดงาม เกิดมาเพื่อเป็นผู้นำ สุขุมเยือกเย็น เข้าใจง่าย เรียนรู้ได้เร็ว แต่หากเมื่อใดก็ตามที่ธาตุขาดความสมดุล จะเป็นคนเอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้ โมโหง่าย ไม่กล้าตัดสินใจ อารมณ์ไม่มั่นคง จึงต้องสร้างสมดุลให้กับผู้ที่อยู่ในธาตุนี้
รสอาหารที่เหมาะ คือ อาหารรสเผ็ด และ รสธรรมดา
ผัก ผลไม้สำหรับธาตุลม ได้แก่ ตะไคร้ เตยหอม บัว ขิง ข่า กระชาย พริกไทย โหระพา กะเพรา
เมนูแนะนำ สำหรับคนธาตุลม “ยำตะไคร้”
สรรพคุณของตะไคร้นั้นเป็นยาบำรุงธาตุ ช่วยในการเจริญอาหาร ช่วยแก้อาการเบื่ออาหาร ตะไคร้มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่วยรักษาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยไล่ลมที่อยู่ในกระเพาะ และช่วยในการขับน้ำดีมาช่วยในการย่อยอาหารจึงเหมาะกับคนที่อยู่ในธาตุลมค่ะ

“ธาตุน้ำ”
มาถึงธาตุที่ 3 กัน กับธาตุน้ำ ผู้ที่อยู่ในธาตุน้ำคือ ผู้ที่เกิดในเดือน เดือนสิงหาคม กันยายน และ ตุลาคม
ลักษณะของคนธาตุน้ำ เป็นคนนิ่ง เยือกเย็น รูปร่างสมส่วน ผิวพรรณสดใสเต่งตึง เมื่อร่างกายมีความสมดุลจะมีความจำดี แต่หากเมื่อไหร่ธาตุไม่สมดุลจะเป็นคนเฉื่อยชา เกียจคร้าน ตัดสินใจช้า ไม่ค่อยเด็ดขาด อารมณ์เสียง่าย ใจอ่อน
รสอาหารที่เหมาะกับชาวธาตุน้ำ คือ อาหารรสเปรี้ยว
ผัก ผลไม้สำหรับชาวธาตุน้ำ ได้แก่ มะกรูด มะนาว ส้ม สับปะรด มะเขือเทศ
เมนูแนะนำสำหรับชาวธาตุน้ำ “ยำมะม่วง”
สรรพคุณของมะม่วง เนื่องจากมะม่วงมีวิตามินซีสูง จึงช่วยป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน นอกจากนั้นยังมีวิตามินเอ ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ช่วยบำรุงและรักษาสายตา เพราะอุดมไปด้วยวิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน ผลมะม่วงดิบมีวิตามินซีสูง ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งต่างๆ มีส่วนช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้ รวมไปถึงมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งเม็ดเลือด โรคมะเร็งผิวหนัง และไฟเบอร์ในมะม่วงยังเป็นตัวช่วยสำหรับการย่อยอาหาร และเผาผลาญพลังงานอีกด้วย อาหารรสเปรี้ยวคงช่วยให้คนธาตุน้ำกระปรี้กระเปล่า สดชื่นขึ้นนะคะ

“ธาตุดิน”
ธาติดิน สำหรับผู้ที่เกิดช่วงปลายปี คือผู้ที่เกิดในเดือน พฤศจิกายน ธันวาคม และ มกราคม
ลักษณะของคนธาตุดิน คนธาตุนี้มีความหนักแน่นมั่นคง รูปร่างสูงใหญ่ กระดูกใหญ่ น้ำหนักตัวมาก ผิวค่อนข้างคล้ำ บุคลิกโดดเด่นสง่างาม หากร่างกายสมดุลจะมีความสุขุมรอบคอบ มีเป้าหมายในชีวิต เฉลียวฉลาด ทะเยอทะยาน จิตใจหนักแน่น มีมนุษย์สัมพันธ์ดี กระตือรือร้น อดทนสูง เอื้อเฟื้อ มีเมตตา รักสงบ แต่ถ้าธาตุเสียสมดุล จะเกิดความขัดแย้งในตัวเอง ลังเล ขี้ใจน้อย ดื้อรั้น โกรธเกรี้ยว ฉุนเฉียว อารมณ์แรง
รสอาหารที่เหมาะ คือ อาหารรสฝาด หวาน มัน เค็ม
ผัก ผลไม้สำหรับชาวธาตุดิน ได้แก่ ผักกูด มังคุด ฝรั่งดิบ ฟักทอง ถั่วต่างๆ เงาะ น้ำนม น้ำอ้อย น้ำมะพร้าว เกลือ ฯลฯ
เมนูแนะนำสำหรับชาวธาตุดิน “ยำผักกูด”
ผักกูดอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก และเบตาแคโรทีน การรับประทานผักกูดร่วมกับเนื้อสัตว์จะช่วยทำให้ร่างกายดูดซึมแร่ธาตุต่างๆ ได้ดีขึ้น และยังช่วยบำรุงร่างกายอีกด้วย จึงช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันและช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเม็ดเลือด ช่วยบำรุงโลหิต เนื่องจากผักกูดเป็นผักที่มีธาตุเหล็กมากที่สุดเป็นอันดับ 1 จึงช่วยแก้โรคโลหิตจาง และช่วยบำรุงสายตาได้เป็นอย่างดี

เมนูต่างๆ ล้วนแต่มีคุณประโยชน์ที่แตกต่างกัน อยู่ที่เราจะเลือกทานเมนูไหนให้เหมาะ เพื่อปรับสมดุลให้ร่างกาย เมื่อทราบว่าตนเองอยู่ธาตุอะไรกันแล้ว อย่าลืมดูแลตนเองให้เหมาะกับธาตุนะคะ จะได้มีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ ห่างไกลโรคร้ายทั้งปวงค่ะ

อาหารบำบัดโรค : มารู้จัก Raw Food และ Vegan Food กันค่ะ

เมื่ออาหารทำหน้าที่แทนยาดูแลรักษาร่างกาย raw foodเมื่อ Raw Food กับ Vegan Food กลายเป็นอีกหนึ่งกระแสที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากมาย โดยเฉพาะในเมืองนอกที่ดาราฮอลลีวูดต่างหันมารับประทานอาหารจากพืชผักสด จนมีสูตรอาหารต่างๆ ของ Raw Food กับ Vegan Food ออกมามากมาย หลายคนยังอดติดใจสงสัยไม่ได้ว่า แล้ว Raw Food กับ Vegan Food คืออะไร

วันนี้ได้เวลามาไขคำตอบกันซักหน่อย Raw Food และ Vegan Food คืออะไร? ตอบข้อสงสัยกันก่อนเลยว่า “Raw food” คือ อาหารที่ทำจากผลไม้สด ผักสด ต้นอ่อนของเมล็ดพืช ซึ่งวัตถุดิบทั้งหมดจะไม่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งทางเคมี ไม่มีแป้งและน้ำตาล ใช้ความร้อนไม่เกิน 46 องศาเซลเซียส เพื่อคงคุณค่าของเอ็นไซม์ วิตามิน และเกลือแร่ ทั้งแหล่งวัตถุดิบที่นำมาใช้ ไม่มีการใช้สารเคมี และที่สำคัญ ต้องเป็นผักผลไม้ตามฤดูกาลเพื่อคงความธรรมชาติและปลอดภัยจากสารเคมีอย่างแท้จริง ส่วน Vegan food ก็คืออาหารที่ไม่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ทุกชนิด ที่เราน่าจะรู้จักกันดีในชื่อของ อาหารมังสวิรัตินั่นเอง

Raw Food เมนูเพิ่มพลังชีวิต จากการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง ทั้งพืชผักสด ที่เป็นผักออร์แกนิคเท่านั้น รสชาติทุกอย่างล้วนได้มาจากธรรมชาติอย่างแท้จริง ทั้งผู้ปรุงยังต้องปรุงด้วยใจรักและใส่ใจในทุกรายละเอียดของอาหารแต่ละเมนู Raw Food เป็นอาหารที่ช่วยเพิ่มพลังให้กับชีวิต รับประทานแล้วมีสุขภาพดี สวยได้จากภายในสู่ภายนอก ด้วยเอนไซม์จากผัก ผลไม้ ที่เหมาะสมสำหรับร่างกายของเรา สำหรับมนุษย์เรา นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์ไว้ ว่าเป็นสัตว์กินพืช Raw Food จะช่วยล้างสารพิษ เพิ่มภูมิต้านทาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง สายตา และระบบการย่อยอาหาร ทั้งยังจะทำให้ผิวพรรณสดใส รักษาสมดุลย์ของน้ำหนัก และที่สำคัญเป็นอาหารที่ส่งผลต่ออารมณ์ มีส่วนทำให้อารมณ์ดีอีกด้วย

ทำไม Raw Food จึงหาทานได้ยาก ? อย่างที่ทราบกันว่าการบริโภคผักออร์แกนิคนั้นยังถูกจำกัดอยู่ในกลุ่มเล็กๆของผู้รักสุขภาพจริงๆ เนื่องจากราคาจะสูงกว่าผักทั่วไปพอสมควร ซึ่งก็เป็นเพราะ กว่าจะได้พืชผักออร์แกนิค เกษตรกรจะต้องเริ่มตั้งแต่การเตรียมดินที่ใช้เวลานานถึง 7 ปี ปล่อยผืนดินให้ว่าง พลิกหน้าดินเพื่อชะล้างสารพิษต่างๆ ที่คั่งค้างอยู่ ผ่านระบบนิเวศน์ตามธรรมชาติ เกษตรกรที่ปลูกพืชผักออร์แกนิค เป็นผู้ที่ปลูกด้วยหัวใจจริงๆ จากระยะเวลาที่ต้องยอมเสีย ซ้ำบางครั้งยังไม่ได้ผลผลิตตามที่ตั้งใจไว้ ประกอบกับการเก็บรักษาผักเหล่านี้ยังมีช่วงเวลาที่จำกัด เพราะปราศจากการใช้สารเคมีในการถนอมอาหาร ปัจจุบัน ต้องกล่าวว่ามีร้านอาหารเพียงไม่กี่ร้านที่สามารถรักษามาตรฐานของเมนู Raw Food จริงๆไว้ได้

เมนู Raw Food อาหารบำบัดโรค การรับประทานอาหารที่ดีมีคุณประโยชน์ ร่างกายย่อมห่างไกลจากโรค ยิ่งในปัจจุบันศาสตร์การรักษาโรคด้วยอาหารเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ การรักษาโรคด้วยอาหารนั้นต่างจากการรักษาโรคด้วยการใช้ยาซึ่งเป็นการรักษาเฉพาะอาการเจ็บป่วยนั้นๆ แต่การรักษาโรคด้วยอาหารจะเป็นการสร้างสมดุลย์ให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงได้ในระยะยาว ทว่าจำเป็นต้องใช้ความอดทน และความตั้งใจสูง เพราะอาจจะไม่ได้เห็นผลในทันที และบ่อยครั้งมักจะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ทำให้หลายๆ คนล้มเลิกความตั้งใจกันไปเสียก่อน เมนูอาหารส่วนใหญ่ของ Raw Food นั้นมักจะประกอบไปด้วยส่วนสารอาหารที่มีคุณสมบัติเป็นยา ลองมาดูกันดีกว่าว่าส่วนประกอบเหล่านี้รักษาร่างกายของเราอย่างไรบ้าง

ลูกเดือย สั่งเมนู Raw Food ทีไรมักจะมีลูกเดือยเป็นพระเอกของจาน ก็เพราะลูกเดือยมีคุณค่าทางอาหารสูง ให้พลังงานและเส้นใยสูงมาก มีคุณสมบัติในการบำบัดโรค ทั้งยังช่วยในระบบการย่อยให้อาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้น พลังงานที่ได้จากลูกเดือย ร่างกายของเราจะสามารถนำไปใช้ทันที เหมาะมากๆ สำหรับสาวออฟฟิศ เพราะมีวิตามินบี 1 และบี 2 ช่วยแก้อาการเหน็บชาจากการนั่งทำงานนานๆ และสำหรับคนที่อยากลดความอ้วน ลูกเดือยมีส่วนช่วยลดความอ้วน ทั้งยังช่วยบำรุงผมและผิวให้ชุ่มชื้นจากสารซิลิคอนที่มีอยู่ในเนื้อลูกเดือยอีกด้วย

หัวบุก ทางเลือกทดแทนของเมนูเส้นทั้งหลาย ที่มีประโยชน์มากกว่าเป็นไหนๆ เพราะเส้นที่ผลิตจากแป้งบุกนั้นจะมีแป้งประมาณ 67% และ โปรตีน 5-6% โดยสารแป้งแมนแนน ที่อยู่ในเนื้อบุกเมื่อแตกตัวจะมีคุณสมบัติในการดูดซึมน้ำตาลกลูโคสในระบบทางเดินอาหาร ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอล และน้ำตาลในเลือด คนที่เป็นโรคอ้วนและเบาหวานจึงความรับประทานเมนูบุกเป็นอย่างยิ่ง

ผักสลัด เมนู Raw Food จะน่าทานมากขึ้นเมื่อมีสีเขียวๆ จากสลัดมากหน้าหลายตา อย่าง กรีนโอ๊ด เร้ดโอ๊ค หรือคอส กรีนโอ๊คเป็นผักที่ทานง่าย นุ่ม รสชาติอร่อย ผักชนิดนี้ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด บำรุงสายตา บำรุงเส้นผม ระบบประสาท รวมถึงระบบกล้ามเนื้ออีกด้วย เร้ดโอ๊ค ผักใบหยักสวยสีน้ำตาลแดงชนิดนี้ ก็คล้ายๆ กับกรีนโอ๊ค แต่มีคุณสมบัติที่เพิ่มมากขึ้นคือการช่วยป้องกันโรคปากนกกระจอก ช่วยบำรุงร่างกายและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพราะมีโฟเลท ธาตุเหล็ก และวิตามินซีสูง คอส ผักสีเขียวเข้มสด มีรสชาติหวาน กรอบ ช่วยล้างพิษ ป้องกันโรคโลหิตจาง และช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง

อะโวคาโด เพื่อนรู้ใจสำหรับสาวๆ เลยก็ว่าได้ เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซีที่ดูแลผิวพรรณให้สวยสดใสเปล่งปลั่งและยังมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ลดอัตราการเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง และโรคหัวใจ ได้เป็นอย่างดี ช่วยลดระดับของโคเลสเตอรอล ช่วยลดภาวะหลอดเลือดอุดตัน และช่วยป้องกันการเป็นโรคที่เกี่ยวกับดวงตา นอกจากวัตถุดิบเหล่านี้แล้ว เมล็ดอัลมอน บีทรูท แก้วมังกร และผลไม้ตามฤดูต่างๆ เมื่อนำมาปรุงเป็นอาหารเมนู Raw Food ก็จะช่วยบำรุง สุขภาพจากภายในให้แข็งแรงได้โดยไม่ต้องพึ่งยา

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.facebook.com/AriyaOrganicCafe

ลองเริ่มสนใจเมนูสุขภาพ ดูแลตัวเองเสียตั้งแต่วันนี้ จะได้ไม่ต้องพึ่งคุณหมอ และลดการใช้ยาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวค่ะ
http://www.lifecenterthailand.com

ทดลองทำเมนู Raw Food  ง่ายๆ ได้ ตามบทความต่อไปเลยนะคะ

https://lifecenterthailand.wordpress.com/2015/02/10/เข้าครัว-กับเมนู-ซูชิ-อา/

#rawfood #รอฟู้ด #มังสวิรัติ #veganfood