
เทรนด์สุขภาพ นอกเหนือจากเรื่องของโภชนาการแล้ว เดี๋ยวนี้ผู้คนต่างก็เริ่มให้ความสำคัญ หันมาออกกำลังกายกันมากขึ้น เพราะการออกกำลังกายวันนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ให้ฟิตแอนด์เฟิร์มขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เสริมสร้างเกราะป้องกันให้กับร่างกายและช่วยลดความเสี่ยงจากการป่วยไข้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 อีกด้วย ซึ่งต้องนับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ
แต่เคยรู้สึกกันหรือเปล่าคะ ว่าหลายๆ ครั้งที่เราไปออกกำลังกาย เล่นกีฬาหนักๆ หวังว่าจะได้เบิร์นพลังงาน และขจัดเจ้าไขมันส่วนเกินลงไปบ้าง แต่เจ้าไขมันที่แอบมาอยู่นิ่งๆ ที่รอบเอวก็ยังจะดื้อ ไม่ยอมหลบไปไหน ทั้งๆ ที่กิจกรรมที่เราทำ การออกกำลังกายหนักๆ ก็น่าที่จะได้เผาผลาญพลังงานไปได้เยอะแล้ว ลองมาดูกันค่ะ ว่ากีฬาที่เราไปเล่น กับการออกกำลังกายแต่ละประเภท ช่วยเผาผลาญพลังงานกันอย่างไรบ้าง เป็นอย่างที่เราคิดหรือเปล่า
เริ่มด้วยกีฬากอล์ฟ การออกรอบ เล่นกอล์ฟ เป็นเวลาประมาณ 1 ช.ม. จะเผาผลาญพลังงานประมาณ 250 กิโลแคลอรี่ ดูจะน้อยกว่าการเดิน ที่หากเดินอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาประมาณ 1 ช.ม. จะเผาผลาญพลังงานได้ประมาณ 325 กิโลแคลอรี่ ใกล้เคียงกับการเล่นแบดมินตัน ที่หากเราเล่นแบดมินตันเป็นเวลาประมาณ 1 ช.ม. จะเผาผลาญพลังงานได้ถึงประมาณ 350-400 กิโลแคลอรี่
การออกกำลังกายที่เผาผลาญพลังงานได้เป็นอย่างดี ได้แก่การเต้นแอโรบิค ที่จะเผาผลาญพลังงานประมาณ 500-600 กิโลแคลอรี่ การวิ่งเหยาะ เผาผลาญพลังงานประมาณ 600-700 กิโลแคลอรี่ การปั่นจักรยาน ด้วยความเร็วประมาณ 20 ก.ม. ต่อชั่วโมง เผาผลาญพลังงานประมาณ 700 กิโล แคลอรี่ และ การว่ายน้ำ ด้วยความเร็วประมาณ 3 ก.ม. ต่อ ชั่วโมง เผาผลาญพลังงานประมาณ 850 กิโลแคลอรี่ จากการออกกำลังกายประมาณ 1 ชั่วโมงเท่าๆ กันค่ะ
ยกมาให้ดูกันพอเป็นตัวอย่าง คงพอจะเห็นนะคะ ว่าการออกกำลังกายที่ได้ผลดีที่สุดในด้านการเผาผลาญพลังงาน คือการออกกำลังกายที่ไม่หนัก ไม่ได้เน้นที่การเคลื่อนไหวเร็วๆ แต่เน้นที่การเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่องของร่างกายหลายๆ ส่วน ใครที่กำลังมองหากิจกรรมเพื่อขจัดเจ้าไขมันส่วนเกิน หรือกำลังวางแผนอยากจะลดน้ำหนัก คงพอจะมองเห็นแนวทางกันบ้างแล้ว และจากข้อมูลที่ได้นำมาฝากกัน คงทำให้หลายๆ คนนึกไปถึงการออกกำลังกายในแบบ HIIT (High Intensity Interval Training) ซึ่งก็คือการแบ่งช่วงการออกกำลังกายออกเป็นช่วงสั้นๆ สลับกันระหว่างการออกกำลังกายในระดับความเร็วสูงสุด และการออกกำลังกายในระดับความเร็วปานกลาง โดยจะทำสลับกันเป็นเซ็ต
ข้อดีของการออกกำลังกายในลักษณะนี้ นอกเหนือจากการได้กระตุ้นการทำงานของหัวใจให้ได้ทำงาน และแข็งแรงขึ้นแล้ว ยังเป็นการเผาผลาญพลังงานที่ให้ผลลัพธ์เต็มที่ ภายในระยะเวลาที่สั้นลง อีกทั้งการออกกำลังกายในแบบ HIIT ยังสามารถใช้ได้กับเครื่องออกกำลังกายประเภทคาร์ดิโอ ทุกประเภทที่มีอยู่ในฟิตเนสและยังสามารถทำได้ด้วยการออกกำลังกายประเภทอื่นๆ เช่นการวิ่ง อีกด้วยค่ะ
เปรียบเทียบการออกกำลังกายในแต่ละประเภทให้ทราบกันแล้ว ขอนำมาฝากกันอีกซักหน่อย กับเรื่องของการทำงานของร่างกายเราค่ะ
การออกกำลังกายในช่วง 15 นาทีแรก ร่างกายจะดึงเอาแหล่งพลังงานหลัก หรือน้ำตาลจากตับ มาใช้ก่อน ส่วนนี้ ยังไม่ได้ช่วยลดน้ำหนัก หรือเผาผลาญพลังงานส่วนเกินแต่อย่างใด เพราะเป็นพลังงานที่ร่างกายมีไว้สำหรับกิจกรรมประจำวันอยู่แล้ว
การออกกำลังกายใน 15 นาทีต่อมา เมื่อร่างกายรู้สึกว่าต้องการพลังงานเพิ่มเติม ก็จะดึงเอาพลังงานในส่วนทีสอง คือแป้ง โดยเปลี่ยนให้อยู่ในรูปของน้ำตาลเพื่อนำมาใช้ โดยยังไม่ได้ดึงเอาไขมันสะสมมาใช้เลย
จนหลังจาก 30 นาทีผ่านไป ร่างกาย จึงจะเริ่มดึงเอาไขมันที่สะสมไว้มาใช้งาน เป็นจุดเริ่มต้นของการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน ที่เราเรียกว่า Burn นั่นล่ะค่ะ
สรุปสั้นๆ คือ สำหรับผู้ที่ต้องการที่จะออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมันส่วนเกิน จำเป็นต้องออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 30 นาทีขึ้นไป และร่างกายของเราจะยังคงใช้พลังงานต่อไปอีกหลังจากการออกกำลัง โดยใช้เพื่อสร้างกรดบางชนิด สังเกตว่าเราจะยังคงมีเหงื่อออก และมีอุณหภูมิร่างกายที่สูงอยู่อีกซักระยะหนึ่ง
ในช่วงหลังการออกกำลังกายนี่ล่ะค่ะ จึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่ไม่ควรดื่มน้ำอัดลม น้ำหวาน ทานขนม หรือน้ำตาลทุกประเภท เพราะจะทำให้ร่างกายรับรู้ว่ามีแหล่งพลังงานหลักให้ดึงกลับมาใช้อีก และเลิกดึงเอาไขมันส่วนเกินมาเผาผลาญ
เอาล่ะค่ะ ได้ข้อมูลกันไปพอสมควรแล้ว เริ่มต้นปีใหม่ปีนี้ มาเริ่มต้นดูแลสุขภาพกันดีกว่า เปลี่ยนชุด หยิยรองเท้า แล้วเตรียมตัวไปออกกำลังกายกันได้เลยค่ะ ^^