หลายท่านอาจไม่ทราบว่าพฤติกรรมหลายๆ อย่างในชีวิตประจำวันของเรานี่ล่ะค่ะ ที่เป็นสาเหตุให้เกิดอาการหูดับได้ ไม่ว่าจะเป็น การคุยโทรศัพท์มือถือนานๆ ฟังเพลงเสียงดังๆ ติดหูฟังตลอดเวลา รวมไปถึงผู้ที่มีความเสี่ยงจากการทำงานในสถานที่ที่มีเสียงดังนานๆ พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหูดับได้ทั้งนั้นเลยค่ะ
หูดับคืออะไร
บางท่านอาจจะสงสัยว่าที่เรียกกันว่า “หูดับ” นั้นมีอาการอย่างไร
หลังจากได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญแล้ว สรุปได้ว่า ว่าโรคหูดับเป็นอาการที่หูไม่ได้ยินเสียง หรือสมรรถนะในการได้ยินเสียงบกพร่องไป ส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้สูงอายุ แต่ในปัจจุบันเด็ก หรือวัยรุ่นก็เริ่มมีอาการหูดับมากขึ้น เป็นเพราะโรคหูดับเกิดได้จากหลายสาเหตุ อาทิเช่น เกิดการติดเชื้อไวรัส หูชั้นในอักเสบ ไข้สมอง โรคความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ เนื้องอก อุบัติเหตุ หรือการอยู่ในที่ที่มีเสียงดังเป็นเวลานานๆ เป็นต้น
เราอาจจะสังเกตสัญญานเตือนก่อนเกิดอาการหูดับได้จากอาการเหล่านี้ค่ะ
• อาการหูอื้อ ได้ยินเสียงลดลง มีเสียงดังในหู
• อาการปวดหู ปวดศีรษะ บ้านหมุน เดินเซ
• อาการเส้นประสาทเลี้ยงใบหน้าเป็นอัมพาต ทำให้ใบหน้าเบี้ยว
เมื่อรู้จักสัญญาณเตือนแล้ว เรามาหาวิธีการป้องกันกันดีกว่าค่ะ
• หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่เสียงดังเป็นเวลานาน
• การดำน้ ำควรมีการฝึกฝนที่ดี เพราะเวลาดำน้ำความดันในน้ำสูง เลือดไปเลี้ยงหูชั้นในน้อยลง ทำให้ขาดเลือดไปเลี้ยงเซลล์หู แรงดันอาจทำให้มีเลือดออกหลังเยื่อบุแก้วหู ทำให้หูอื้อได้อีกด้วย
• การใช้โทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นเพลง ซาว์ดเบาท์เสียงดังเป็นเวลานาน มีรายงานว่าทำให้หูเสื่อม ควรลดความดังลง ลดระยะเวลาในการฟัง
• พักผ่อนให้เพียงพอ
• ก่อนใช้ยาควรปรึกษาแพทย์ ยาบางชนิดอาจทำลายประสาทหู และทำให้มีอาการหูดับได้
• รักษาสุขภาพให้แข็งแรง โรคภูมิแพ้ควรปรึกษาแพทย์ เพราะโรคภูมิแพ้จะทำให้เกิดอาการหูอื้อ หูอักเสบ แก้วหูทะลุได้
คำแนะนำดีๆ จากคุณหมอ หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ของอย่างนี้รู้ไว้ก็ไม่เสียหาย เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หรือใครๆ ก็อาจจะเป็นได้ ลองแบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไปฝากเพื่อนๆ กันนะคะ